รถกระบะไฟฟ้าใหม่ 2022 Kandi K32 บุกอเมริกาด้วยราคา 9 แสนกว่าบาท

ในขณะที่ค่ายรถยนต์จากจีน อย่าง MG และ GWM ยังไม่มีความชัดเจนในการทำตลาดรถกระบะไฟฟ้าในเมืองไทย ที่สหรัฐอเมริกา ตลาดรถกระบะอันดับ 1 ของโลก ที่ยอดขายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตลาดรถกระบะขนาดใหญ่ ค่ายรถยนต์สัญชาติจีน อย่าง Kandi ไม่ลังเลที่จะเป็นผู้บุกเบิก ในตลาดรถกระบะไฟฟ้าขนาดกลาง ที่นอกจากจะเป็นตลาดที่เล็กกว่ามากแล้ว ค่ายรถยนต์จากจีน แทบจะไม่มีตัวต้นในตลาดสหรัฐอเมริกาเลยก็ว่าได้ มิหนำซ้ำ ยังเป็นเซกเมนต์ที่มีโอกาสแจ้งเกิดได้ยาก แต่ด้วยการที่มีจุดแข็ง ด้วยการมีเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และเป็นตลาดที่ยังไม่มีใครลงมาเล่นอย่างจริงจัง การเปิดตัว Kandi Off-Road EV K32 รถกระบะปิกอัพไฟฟ้า จึงเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

Kandi Off-Road EV K32 หรือเรียกสั้นๆว่า Kandi K32 เป็นรถกระบะปิกอัพไฟฟ้าขนาดกลาง ตัวถังแบบ Dual Cab ที่ Kandi นิยามว่า เป็น Utility Terrain Vehicle หรือ UTV โดยมีการเปิดตัวใน 2 รุ่นย่อย คือรุ่น Standard Range และรุ่น Long Range โดยตัวถังมีความยาว 5437 มม กว้าง 1869 มม และสูง 2083 มม รับน้ำหนักได้สูงสุด 575 กิโลกรัม

ขุมพลังของ Kandi K32 เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งข้อมูลที่ Kandi เผยแพร่ในเว็บไซต์บริษัท ระบุว่ามอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละตัวให้กำลัง 21 กิโลวัตต์ หรือ 28 แรงม้า ซึ่งนั่นทำให้กำลังรวมสูงสุดมีเพียง 56 แรงม้าเท่านั้น มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธี่ยมไอออน ที่มีขนาด 20.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในรุ่น Standard Range ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 97 กิโลเมตร/ชาร์จ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 105 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จไฟจนเต็มความจุแบตเตอรี่ที่ 7 ชั่วโมง 30 นาที ด้วยไฟบ้านขนาด 240 โวลท์ ในราคาเริ่มต้นที่ 27,699 เหรียญสหรัฐ หรือราว 906,000 บาท

ส่วนรุ่น Long Range ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ขนาด 50 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 241 กิโลเมตร ส่วนตัวเลขความเร็วสูงสุด และเวลาในการชาร์จไฟ จะเท่ากันกับรุ่น Standard Range โดยมีราคาจำหน่าย อยู่ที่ 34,499 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,130,000 บาท

Kandi K32 มาพร้อมระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ได้แก่ ระบบป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรค ถุงลมนิรภัยคู่หน้า จุดยึดเบาะนั่ง ISOFIX เซ็นทรัลล็อค ระบบเตือนความเร็ว นอกจากนั้นยังมีระบบปรับอากาศ จอแสดงผลระบบ infotainment แบบสัมผ้ส ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารผ่าน Bluetooth กล้องมองหลัง เป็นต้น

ด้วยสมรรถนะที่ถือว่าต่ำกว่าตัวเลือกส่วนใหญ่ในตลาด ห้องโดยสารภายในที่เรียบง่าย ไม่หรูหรา ในขณะที่ดีไซน์ภายนอก อาจจะดูคล้ายกับรถกระบะในตลาดบางรุ่น ค่อนข้างจะชัดเจนว่า Kandi K32 อาจจะเหมาะกับการใช้งาน ที่เน้นการบุกตะลุยในแบบออฟโรด และไม่สร้างมลภาวะ แต่ก็ไม่ได้เน้นความแรง เหมือนรถกระบะทั่วไป ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่า ความต้องการของตลาดนี้ในสหรัฐอเมริกา จะมีมากน้อยแค่ไหน