ใหม่ 2024 BYD Dolphin ประกาศสงครามราคารถน้ำมัน แบตเตอรี่ใหม่ 2 ขนาด 302/520 กม/ชาร์จ

BYD เปิดตัว Dolphin ใหม่ในต่างประเทศ อัพเกรดเพิ่มขึ้น พร้อมทางเลือกที่เป็นแบตเตอรี่ขนาดเล็กลง ส่งทำสงครามราคาเต็มรูปแบบ คาดลดราคาลงได้อีกในไทย เหมือนที่ทำกับ Atto 3

BYD โดย Reve Automotive เพิ่งเปิดตัว ATTO 3 2 รุ่นย่อยใหม่สำหรับปี 2024 คือรุ่น Dynamic และ Premium ที่เพิ่มความจุแบตเตอรี่อีกเล็กน้อยเป็นขนาด 50.25 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสูงสุด 410 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังมีการปรับและเพิ่มอ็อปชั่นเพื่อความสดใหม่ โดยมีราคาจำหน่ายที่ราว 9 แสนบาท และ 9 แสน 5 หมื่นบาท สำหรับทั้งสองรุ่นย่อย เรียกว่าทำเอาตลาดฮือฮา ซึ่งการบุกตลาดอย่างเข้มข้น ด้วยราคาที่น่าสนใจขึ้น ถือว่าเป็นกลยุทธ์ไม่ใช่เพียงแค่ BYD เท่านั้น แต่เป็นแนวทางที่ค่ายรถยนต์จากจีน ใช้ในการแข่งขันกับคู่แข่งทั่วโลก เพื่อที่จะให้ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เรียกว่าพยายามให้คู่แข่งหายไปจากตลาดก็ไม่ผิดนัก โดยกำไรสุทธิของ BYD โดยรวม ถือว่าต่ำมาก คืออยู่ที่เพียง 3.9% เท่านั้น และในอนาคต เราก็น่าจะได้เห็นการทำสงครามราคาจากค่ายรถยนต์จีนไปอีกพักใหญ่ ซึ่งคู่แข่งโดยตรงของค่ายรถยนต์จากจีนไม่ใช่ค่ายรถยนต์ร่วมชาติที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นค่ายรถยนต์ต่างชาติ ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก โดยในเมืองไทยนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่น ที่ผู้บริหารของ BYD ในไทยเอง ก็เคยเปรยว่า BYD ต้องการส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งเหล่านี้เป็นสำคัญ นั่นจึงเป็นที่มาของการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ให้กับ ATTO 3 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเรือธงของ BYD ที่ทำยอดขายในเมืองไทยให้กับบริษัทมากที่สุดในปีที่ผ่านมา ถึง 19,214 คัน โดยมีรุ่น Dolphin ที่เรากำลังจะพูดถึง มียอดขายตามมาเป็นอันดับ 2 คือทำได้ที่ 9,410 คัน หรือราวครึ่งหนึ่งของยอดขาย Atto 3 และเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจาก Neta V ที่ขายดีเป็นอันดับ 2 ซึ่งทำได้ที่ 12,777 คัน ถือว่าไม่ทิ้งห่างกันมากนัก อีกทั้งในต่างประเทศ ก็เพิ่งมีข่าว การงดจ่ายโบนัสของ Horizon บริษัทแม่ของ Neta ในประเทศจีน ทำให้มีข่าวลือถึงความไม่แน่นอนของอนาคต Neta ว่าจะประสบปัญหาเหมือนกับบริษัทยานยนต์หลายๆบริษัทในจีนหรือไม่ ซึ่งข่าวดังกล่าว น่าจะส่งผลดีต่อ BYD ในด้านยอดขาย การผลักดัน Dolphin ในตลาดให้มากกว่าเดิม จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเพิ่งส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับ BYD นอกเหนือไปจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีก 5 รุ่นในเมืองไทย ภายในปี 2024 ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็อาจจะเป็น Dolphin รุ่นปี 2024 ที่เพิ่งเปิดตัวไปแล้วในประเทศจีน ด้วยรุ่นย่อยที่ชื่อ Honor Edition

BYD เปิดตัว Dolphin Honor Edition ใหม่ มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 70 กิโลวัตต์เช่นเดิม ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดราว 420 กิโลเมตร ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนเช่นกัน แต่มีการเพิ่มรุ่นแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งให้ได้ระยะทางวิ่ง 302 กิโลเมตร เพื่อจะได้ทำราคาให้ต่ำลงไปอีก 4.7% เป็นประกาศทำสงครามราคากับรถยนต์น้ำมันโดยตรง และ Dolphin ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแนวหน้าในการต่อสู้กับคู่แข่ง

รูปโฉมภายนอกของ Dolphin Honor Edition ไม่ต่างไปจากรุ่นมาตรฐาน นอกจากล้ออัลลอยลายใหม่และสีตัวถังใหม่ให้เลือก ในขณะที่ภายใน มีการอัพเกรดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบเจาะรูระบายอากาศ มาพร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายขนาด 50 วัตต์ ซึ่งรุ่น standard ของไทยไม่มี จะต้องเป็น Extended Rage เท่านั้น มีการเพิ่มช่อง USB ใหม่ ที่เป็นแบบ Type C มาให้ มีการติดตั้งระบบ ETC แบบ Built-in ที่ช่วยจ่ายค่าผ่านทางแบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องหยุดรถในประเทศจีน จอแสดงผลกลางเป็นแบบหมุนได้ ที่ยังเป็นขนาด 12.8 นิ้ว และจอแสดงผลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 5 นิ้ว

การอัพเกรดที่เด่นชัดที่สุดในรถรุ่นนี้ ก็คือระบบกันสะเทือนหลัง ที่ตอนนี้เป็นแบบอิสระ Multilink จากเดิมแบบ Torsion Beam ในรุ่น Standard ให้เหมือนกับในรุ่น Extended Range ในไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทมักจะได้รับเสียงตำหนิว่า การขับขี่ไม่นิ่มนวลมากเท่าใดนัก นอกจากนั้นในอนาคต BYD จะมีแบตเตอรี่ที่รองรับระยะทางวิ่งให้ได้ไกลถึง 520 กิโลเมตร/ชาร์จ มาเป็นทางเลือกให้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า น่าจะเป็นทางเลือกเพิ่มเข้ามาให้กับลูกค้าในตลาดต่างๆทั่วโลก ซึ่งต้องการระยะทางวิ่งที่มากขึ้นอยู่แล้ว เพื่อให้การใช้งานสะดวกง่ายดายมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาแวะชาร์จไฟตามข้างทาง ซึ่งต้องใช้เวลานาน และอาจจะหาสถานีชาร์จได้ยากในบางพื้นที่

หวังชวนฟู่ ผู้ก่อตั้ง BYD ได้เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า รถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีน จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 50% ภายในปลายปี 2024 นี้ การเปิดตัว Dolphin ใหม่ ที่เจาะตลาดกำลังซื้อต่ำได้ดีขึ้น จะช่วยทำให้ BYD ครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้ว กลยุทธ์ทางด้านราคา ทำให้รถยนต์แบรนด์จีน สามารถเข้าไปเจาะตลาดต่างๆทั่วโลกได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จนถึงกับทำให้รัฐบาลของทั้งยุโรปและอเมริกา เริ่มวิตกกังวลในเรื่องนี้ และพยายามหามาตรการกีดกันการค้าในรูปแบบต่างๆ เพื่อยับยั้งการขยายตลาดของค่ายจีน ก่อนที่บริษัทยานยนต์ของตัวเอง จะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาลในอนาคต งานนี้ทำให้ผู้ใช้รถคนไทย น่าจะได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์ในด้านราคาของ BYD และสามารถคาดหวังได้ด้วยว่า Dolphin ใหม่ ที่นอกจากจะมาพร้อมการอัพเกรดเพิ่มเติมแล้ว ราคาจำหน่าย ก็น่าจะเอื้อมถึงได้ง่ายขึ้นด้วย เหมือนอย่างที่ BYD ทำมาแล้วกับ Atto 3 ฉะนั้น ใครที่เล็งรถรุ่นนี้ไว้ และยังไม่รีบที่จะใช้งาน ก็อาจจะรอลุ้นกับ Dolphin รุ่นใหม่ ก็น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่า