ในเมืองไทย Great Wall Motors ได้เริ่มทำการประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้น มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ในขณะที่ตลาดบ้านเกิดอย่างจีน Great Wall ยังสร้างผลงานสวนกระแสโลก ด้วยการจำหน่ายรถยนต์ในไลน์อัพทั้งหมด ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้ถึง 135,559 คัน เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15% จากเดือนกันยายน ในขณะที่ยอดขายสะสม 10 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 816,249 คัน
ยอดขายในเดือนตุลาคม จำนวน 135,000 กว่าคันที่ว่า มาจากแบรนด์ Haval ถึง 97,950 คัน เพิ่มขึ้น 24% จากเดือนกันยายน โดยเป็นรุ่น H6 ถึง 52,734 คัน ยึดอันดับที่ 1 รถ SUV ในประเทศจีน ยาวนานถึง 89 เดือน หรือมากกว่า 7 ปีมาแล้ว และยังมียอดขายเพิ่มขึ้น ถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 30% จากเดือนกันยายน ที่เหลือจะเป็นรุ่นอื่นๆ เช่น รุ่น F7 13,090 คัน รุ่น Big Dog 7,013 คัน รุ่น M6 16,657 คัน
สำหรับรถกระบะปิกอัพแบรนด์ Great Wall ยังสามารถขายได้มากกว่า 20,000 คัน ถึง 6 เดือนมาแล้ว และครองส่วนแบ่งตลาดเกือบ 50% โดยในเดือนตุลาคม สามารถจำหน่ายไปได้ 20,405 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28% โดยเป็นรุ่น Poer จำนวน 11,291 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ถึง 125% และมียอดขายสะสมในปีนี้ มากกว่า 100,000 คันแล้ว
ส่วน Wey รถ SUV ระดับพรีเมี่ยม ขายไปได้ทั้งสิ้น 9,076 คันในเดือนตุลาคม เป็นรุ่น VV6 จำนวน 5,232 คัน
ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ ORA สามารถขายไปได้ถึง 8,011 คัน โดยมีตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 8 เดือนมาแล้ว โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากรุ่น Black Cat ถึง 6,269 คัน
สำหรับยอดขายในต่างประเทศ ยังมีเพียง 10,804 คัน ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 39% จากเดือนกันยายน และ 148% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ถือว่ายังทำได้น้อยมากในตลาดต่างประเทศ หาก Great Wall ต้องการขึ้นเป็นแบรนด์รถกระบะปิกอัพ 1 ใน 3 อันดับแรกของโลก ภายในปี 2025 ด้วยเป้าหมายยอดขายมากกว่า 3 ล้านคัน และเป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2020 ที่ 2 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 287%