BYD-ค่ายจีน สร้างแรงกดดันจน Nissan-Honda ต้องประกาศร่วมมือกัน Toyota กำลังถูกโดดเดี่ยว?

Nissan และ Honda ประกาศร่วมเป็นพันธมิตร ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า สื่อดังญี่ปุ่นมอง ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการตอบสนองต่อการแข่งขันจาก BYD และคู่แข่งจากจีน งานนี้ไม่มี TOYOTA เข้าร่วม คาดอาจจะเพราะท่าทีที่ไม่ชัดเจน ต่อการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านมา

ต้องยอมรับว่า การขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของค่ายรถยนต์จากจีน และการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ทำให้ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก เริ่มวิตกกังวลถึงผลกระทบจากการเข้ามาบุกตลาด ถึงขนาดที่ Elon Musk ได้ออกมาเปิดเผยว่า หากแต่ละประเทศไม่มีกำแพงทางการค้ารถยนต์จากจีน บริษัทรถยนต์ต่างๆ ก็อาจจะต้องหายไปจากตลาดในที่สุด จากการที่รถยนต์ไฟฟ้าของจีน สามารถทำราคาได้ดีกว่า ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยไปแล้ว และดูเหมือนว่า นี่เป็นแค่เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เพราะบริษัทรถยนต์ชั้นนำของจีน เริ่มเข้าสู่การพัฒนาแบตเตอรี่ solid state ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของจีนอย่างเต็มตัว ซึ่งเราก็กำลังจะได้เห็นการนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์กลางปี 2024 นี้ ด้วยการเปิดตัว MG L6 ที่มีแผนทำตลาดรุ่นแบตเตอรี่ solid-state ตามมา ความก้าวหน้าของจีน ยังเกิดขึ้นกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ดั้งเดิม อย่างแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนด้วยเช่นกัน ที่ให้ระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น ปลอดภัยขึ้น แบตเตอรี่มีขนาดเล็กลง และมีน้ำหนักน้อยลง ในขณะที่ราคาจำหน่าย ก็มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนที่บริษัทต่างๆ สามารถประหยัดลงไปได้ ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ ล้วนแต่ส่งผลกระทบในทางลบ ต่อคู่แข่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึง Nissan และ Honda ที่ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวในการตอบสนองต่อคู่แข่งจากประเทศจีน แต่กลับไม่มีพี่ใหญ่ของวงการยานยนต์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota เข้าร่วมด้วย

ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน สำนักข่าวดังต่างประเทศอย่างรอยเตอร์ส ได้รายงานว่า Nissan Motor กำลังพิจารณาการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ กับ Honda Motor โดยอ้างอิงจากสื่อญี่ปุ่น TV Tokyo ที่มีการรายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในขณะที่สื่อดังของญี่ปุ่น Nikkei Business Daily คาดหมายว่า ความร่วมมือดังกล่าว น่าจะเป็นความร่วมมือของพันธมิตร ในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดวันนี้ ทุกอย่างถูกยืนยันแล้ว เมื่อผู้บริหารของทั้ง Nissan และ Honda ได้ร่วมกันแถลงข่าว ความร่วมมือกันเป็นพันธมิตร โดยประกาศว่า ทั้งสองบริษัท ได้ลงนามในข้อตกลงความเข้าใจ หรือ MOU ในการเริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ ของการเป็นพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ ในด้านยานยนต์ไฟฟ้า และปัญญาความรู้

เพื่อเป็นการเร่งความพยายาม ไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้เป็นศุนย์ จึงถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น ที่จะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาทางด้านซอฟท์แวร์ ทั้งสองบริษัทได้บรรลุความเข้าใจร่วมกัน ที่อยู่บนพื้นฐานที่ว่า มันเป็นเรื่องจำเป็น ที่จะต้องนำเอาจุดแข็งของทั้งสองบริษัท มารวมกัน และสร้างโอกาสจากความร่วมมือกันในอนาคต โดยขอบเขตของการศึกษาความเป็นไปได้ รวมถึงแพลตฟอร์มซอฟแวร์ด้านยานยนต์ ชิ้นส่วนสำคัญที่เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ

มาโกโตะ ยูชิดะ ประธานและ CEO ของ Nissan เผยว่า มันเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องเตรียมตัวกับก้าวกระโดดของการเปลี่ยนแปลง ทั้งในระยะกลางและระยะยาว Nissan และ Honda ก็มีเป้าหมายเดียวกัน เราเฝ้ารอที่จะมีการพูดคุยในรายละเอียดกันมากขึ้น ในอนาคต เพื่อนำไปสู่การเติบโตของทั้งสองฝ่าย ในขณะที่ โทชิฮิโระ มิเบะ ประธาน และผู้บริหารของ Honda เผยว่า ในโอกาสที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่าน ครั้งเดียวในศตวรรษ ของอุตสาหกรรมยานยนต์ เราจะสร้างศักยภาพ จากความร่วมมือกันของทั้งสองบริษัท โดยหลักเกณฑ์ของเราก็คือ การรวมพลังกันในด้านเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญ ที่ทั้งสองบริษัทสั่งสมมานาน จะทำให้เรากลายเป็นของผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยการสร้างคุณค่าใหม่ให้เกิดขึ้น โดยสื่อในญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตว่า ความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้น เพื่อที่จะให้สมาชิกของกลุ่ม สามารถทำการแข่งขันกับคู่แข่งจากจีนได้

ก่อนหน้านี้ TV Tokyo รายงานว่า Nissan ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Renault ของฝรั่งเศส มาอย่างยาวนาน ต้องการทำ MOU แบบไม่ผูกมัดกับ Honda ในขณะที่ นิกเกอิ อ้างจากแหล่งข่าวภายในของ Nissan หลายรายว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้น จะรวมถึงการใช้ระบบขับเคลื่อน การจัดซื้อ และการพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ ที่จะเกิดความร่วมมือกันขึ้นมา โดยอาจจะครอบคลุมไปถึงการจัดซื้อแบตเตอรี่ และการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าร่วมกันอีกด้วย โดยในปัจจุบัน Nissan ได้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับ Renault อยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในตลาดยุโรป โดยรถยนต์รุ่นยอดนิยมอย่าง Micra หรือ March รุ่นต่อไป ที่เป็นเวอร์ชั่นไฟฟ้า จะใช้แพลตฟอร์มร่วมกันกับ Renault Five ที่จะมีการผลิตขึ้น ที่โรงงานเดียวกันในฝรั่งเศสตอนเหนือ นอกจากนั้น Nissan ยังเตรียมลงทุนอีกถึงกว่า 600 ล้านยูโร ใน Ampere บริษัทลูกของ Renault ที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่ผ่านมา ทั้ง Nissan และ Renault ได้ลดขอบเขตของการเป็นพันธมิตรลง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการหาพันธมิตรใหม่มากขึ้น ซึ่งทาง Renault เอง ก็ได้ลงนามในสัญญาการเป็นพันธมิตรกับ Geely ของจีน โฆษกหญิงของ Renault ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ภายใต้กรอบความร่วมมือใหม่ของพันธมิตร สมาชิกจะมีอิสระในการตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์ นอกเหนือไปจากโครงการที่มีความร่วมมือกันอยู่

ในปัจจุบัน Nissan และ Honda ได้สูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีน จากการแข่งขันที่ดุเดือดเข้มข้นจาก BYD และผู้เล่นรายอื่นๆในตลาด พวกเขาจึงต้องการจะลดต้นทุนการผลิตลง เพื่อให้สามารถทำการแข่งขันได้

ข่าวของความร่วมมือกันระหว่างค่ายยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น กลับไม่มีการพูดถึง TOYOTA เจ้าตลาดรถยนต์ของโลกแต่อย่างใด เป็นไปได้ว่า ทั้งสองบริษัท มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพา Toyota ในเรื่องนี้ เพราะแม้แต่ Toyota เอง ก็ยังถือว่าไม่มีข้อได้เปรียบ เหนือกว่าบริษัทอื่นๆ เพราะ Nissan เอง ก็กำลังพัฒนาแบตเตอรี่ solid state อยู่ด้วย แถมอาจจะสามารถนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้เร็วกว่า ที่สำคัญ ผู้บริหารระดับสูงสุดของ TOYOTA ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ในเชิงที่ไม่เห็นด้วยกับการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ที่มีนัยยะว่า ความร่วมมือระหว่างกัน ก็คงไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ นั่นจึงทำให้ Nissan และ Honda เลือกที่จะรวมตัวกัน เพื่อโอกาสในการอยู่รอดในตลาด จากการเข้ามารุกรานของค่ายรถยนต์จีน อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่ยังมีการพูดถึง ก็คือ ขอบเขตความร่วมมือนี้ จะครอบคลุมไปถึง Mitsubishi หรือไม่ เพราะหากมองในแง่ของการลดต้นทุนแล้ว Nissan ก็อาจจะพิจารณาขยายความร่วมมือไปยัง Mitsubishi ด้วย เพราะ ณ ชั่วโมงนี้ ต้องบอกว่า อะไรที่สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ ก็ควรจะต้องทำ ดีกว่าต้องรอไปจนถึงวันที่สายเกินแก้ไปแล้ว