ยอดขายรถกระบะปิกอัพในเมืองไทย Isuzu D-MAX ยังคงนำห่างอันดับ 2 อย่าง Toyota Hilux Revo ที่ดูเหมือนว่า ผู้นำตลาดจะปิดโอกาสไม่ให้คู่แข่งสำคัญ ขึ้นมาแย่งแชมป์ได้ตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่ตลาดสำคัญรองลงมาอย่างออสเตรเลีย ที่มีแม้ว่า Toyota Hilux Revo ยังมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นจากปีก่อน 6.4% ด้วยยอดขายในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ 4,493 คัน มากกว่า D-MAX ซึ่งทำได้ที่ 2,374 คัน เติบโต 18.8% แต่หลังจากนี้ ยอดขาย Hilux ในภาพรวมทั้งโลก อาจจะไม่สูงเหมือนอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในตลาดออสเตรเลีย ที่ล่าสุด จากการรายงานของสื่อยานยนต์แดนจิงโจ้ Carsguide ว่า Toyota ประกาศหยุดรับการสั่งซื้อ Hilux รุ่นยอดนิยม ทั้งรุ่น Rouge และ Rugged X จากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ที่ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งวงการยานยนต์ และรถยนต์รุ่นต่างๆของ Toyota จนถึงกับทำให้ Sean Hanley รองประธานบริษัท ต้องออกมาแถลงขอโทษอย่างเป็นทางการต่อลูกค้า เกี่ยวกับปัญหาการส่งมอบที่จะใช้เวลานานกว่าปกติ และยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เกี่ยวกับช่วงเวลาที่แน่นอน ในการส่งมอบรถยนต์บางรุ่น ในขณะที่คู่แข่งตัวฉกาจในเมืองไทยอย่าง Isuzu D-MAX กลับยังไม่มีวี่แววของการได้รับผลกระทบจากปัญหาเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ Isuzu น่าจะฉวยโอกาสในการเร่งทำยอดขายทั้งในออสเตรเลีย เมืองไทย และประเทศต่างๆที่ทำตลาดอยู่ ในแบบที่ไม่จำเป็นจะต้องออกแรงมากนัก
แม้ว่า Toyota Hilux ทั้งรุ่น Rogue และ Rugged X จะเป็นรุ่นพิเศษที่มีการประกอบเพิ่มเติมในประเทศออสเตรเลีย แต่รถพื้นฐาน ก็ยังต้องมีการนำเข้ามาจากประเทศไทย ซึ่งสื่อในออสเตรเลียได้รายงานว่า โรงงานของ Toyota ในเมืองไทย ประสบปัญหาหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนชิ้นส่วนบางอย่าง แตกต่างจากกรณีของโรงงานในประเทศญี่ปุ่น ที่ประกาศลดกำลังการผลิตลง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สามารถคาดการณ์ และวางแผนล่วงหน้าได้ เนื่องจากเป็นความตั้งใจของบริษัทอยู่แล้ว โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Toyota มีแผนลดกำลังการผลิตลงถึง 150,000 คัน และมีแผนที่จะลดกำลังการผลิตในเดือนเมษายนไปจนถึงเดือนมิถุนายน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และจะมีการพิจารณาไปตามความเหมาะสมเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งถือว่าเป็นผลกระทบที่ได้รับ ในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
แน่นอนว่า ปัญหาของการผลิตและส่งมอบล่าช้า หรือมีรถไม่พอกับความต้องการ ในตลาดสำคัญอย่างออสเตรเลีย ที่ต้องมีการนำเข้ามาจากโรงงานในประเทศไทย ย่อมส่งผลมาถึงกลุ่มผู้ใช้รถในไทยไม่มากก็น้อย แม้ว่ายังไม่มีการประกาศหยุดการจำหน่าย หรือแถลงปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบเหมือนในต่างประเทศ แต่สิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ การกระตุ้นตลาด หรือแคมเปญพิเศษ ในรถยนต์รุ่นที่ได้รับผลกระทบ ที่อาจจะไม่มีเหมือนในภาวะปกติ ซึ่งย่อมส่งผลต่อยอดขายของรถยนต์รุ่นนั้นๆในตลาด ซึ่งในที่นี่ก็คือ Toyota Hilux REVO ทำให้ช่วงเวลานี้ น่าจะเป็นโอกาสทองสำหรับคู่แข่งในตลาดแทบจะทุกยี่ห้อ ที่ไม่ได้รับผลกระทบในแบบเดียวกัน ซึ่งจะมีมากหรือน้อย หรือไม่ไดัรับผลกระทบเลย ก็เป็นเรื่องของความสามารถในการบริหารจัดการ