ในปี 2022 น่าจะเป็นปีที่ Ford ในไทยและออสเตรเลีย มีกิจกรรมทางการตลาดที่คึกคักมากที่สุด ในฐานะตลาดรถกระบะขนาดกลางที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนที่สหรัฐอเมริกา กำลังจะกลายเป็นตลาดสำคัญของ Ford ในเซกเมนท์นี้ หลังจากที่ได้เริ่มกลับมาจำหน่าย Ranger อีกครั้ง เมื่อไม่กี่ปีก่อน สิ่งที่ทำให้ Ford ในแถบเอเชียแปซิฟิค กำลังจะมีบทบาทสำคัญ ในตลาดรถยนต์ในปีหน้า ก็คือการทยอยเปิดตัว และจำหน่าย All-New Ford Ranger และ Ford Everest หลังจากที่ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก ให้กับ Ranger เจนเนอเรชั่นใหม่ไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามด้วยการปล่อยวิดีโอทีเซอรร์แรกของ Everest โฉมใหม่หมดทั้งคัน ออกมาให้ได้ชมกันไปเมื่อวันก่อน พร้อมการออกมายืนยันการเปิดตัวของรถ PPV รุ่นนี้ โดยผู้บริหารของ Ford ประเทศไทย ว่าจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า นั่นทำให้ทั้งตลาดรถกระบะ Pure Pickup และรถกระบะดัดแปลงหรือ PPV เป็นตลาดที่จะได้รับการจับตามองมากที่สุด โดยเฉพาะในเมืองไทย ซึ่งกว่าครึ่งของตลาด เป็นส่วนของรถยนต์ทั้งสองประเภท ในคลิปนี้ เราจะมาทำการอัพเดทข้อมูลล่าสุดของ All-New Ford Everest ว่ารถรุ่นนี้ จะมาพร้อมฟีเจอร์และคุณสมบัติอะไรบ้าง ทั้งที่มีการยืนยันแล้ว และมีความเป็นไปได้สูงว่า Ford จะทำตลาดด้วยสเปคต่างๆเหล่านี้
ในด้านการออกแบบรูปโฉม ด้วยการที่ทั้ง Ranger และ Everest โฉมใหม่ มีดีไซน์ด้านหน้าที่เรียกว่าถอดแบบกันมาก็ว่าได้ นั่นทำให้คนที่ถูกใจ All-New Ranger ที่เปิดตัวไปแล้ว ก็น่าจะชื่นชอบดีไซน์ของ Everest โฉมใหม่เช่นกัน โดยมาพร้อมไฟหน้ารูปตัว C อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งพบได้ในรถกระบะรุ่นใหม่จากค่าย Ford ไม่ว่าจะเป็น F-150 Ranger และ Maverick ในขณะที่ด้านหลัง จะพบไฟท้ายแบบใหม่ ที่เราได้เห็นบางส่วนไปแล้วในวิดีโอทีเซอร์ล่าสุด ซึ่งถือว่า ได้รับเสียงตอบรับในด้านบวก โดยรวม Everest เจนเนอเรชั่นใหม่ มีรูปทรงที่เป็นรูปกล่องสี่เหลี่ยมมากขึ้นกว่าโฉมก่อน ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะดีไซน์ในส่วนต่างๆ ตั้งแต่กระจังหน้าไปจนถึงไฟท้าย ที่เน้นความเป็นเหลี่ยมสันมากขึ้น บวกกับระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่าเดิม ทำให้ PPV รุ่นนี้ ดูมีขนาดใหญ่และดุดันมากขึ้นกว่าเดิมมาก
แพลตฟอร์มของ All-New Ford Everest อย่างที่เราได้เคยนำเสนอไปก่อนการเปิดตัว Ranger ว่า Ranger เจนเนอเรชั่นใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ตที่เรียกว่า T6.2 ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจากแพลตฟอร์ม T6 โดยแพลตฟอร์มของ Everest ใหม่ ได้รับการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในแบบ PPV มากขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มใหม่แบบ All-New เหมือนรถยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ทั่วไป แต่ Ford ได้ทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยอยู่บนพื้นฐานเดิม ที่มีคุณภาพสูงอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการนำจุดแข็งเดิม มาพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก
การปรับปรุงแพลตฟอร์มในครั้งนี้ ทำให้ระยะฐานล้อยาวขึ้นกว่าเดิมอีก 50 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้ความยาวรวมอยู่ที่ราว 2900 มิลลิเมตร หรือมีความยาวมากกว่ารถเอสยูวีอย่าง Toyota LandCruiser 300 Series ด้วยซ้ำ ความเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่เกิดขึ้นกับ All-New Ranger ยังถูกถ่ายทอดมาถึง Everest ใหม่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นใหม่ล่าสุด ระบบกันสะเทือนที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ เพื่อการโดยสารที่นุ่มนวล และการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยังมีรุ่นขับเคลือนล้อหลังเป็นทางเลือกให้ด้วย
ในด้านขุมพลัง ที่มีการพูดถึงกันมากก่อนการเปิดตัว Ranger โฉมใหม่ โดย Ford ได้ออกมายืนยันแล้วว่า เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 5 สูบ ความจุ 3.2 ลิตร ที่ทำตลาดใน Ranger บางรุ่น จะถูกยกเลิกไป นั่นหมายความว่า เครื่องยนต์บล็อคนี้ ก็ไม่น่าจะมีใช้ใน Everest ใหม่ด้วยเช่นกัน ส่วนขุมพลังดีเซลทวินเทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร ที่เริ่มใช้ในปี 2018 ยังมีการทำตลาดต่อไป โดยได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น รวมถึงระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 10 สปีด ที่มีการพัฒนาให้ดีขึ้นในหลายจุด
รุ่นเริ่มต้นของ All-New Everest คาดว่าจะมาพร้อมขุมพลังดีเซลทวินเทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร ซึ่งเป็นขุมพลังมาตรฐานในไลน์อัพของ Everest ส่วนรุ่นที่อยู่สูงขึ้นไป จะเป็นเหมือนกับ Ranger ที่มีเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร บล็อคใหม่ให้เลือก ซึ่งขึ้นอยู่กับตลาดที่จำหน่ายด้วย โดยเครื่องยนต์ Power Stroke 6 สูบรุ่นนี้ เริ่มมีการใช้ครั้งแรกใน Ford F-150 ในปี 2018 ที่สหรัฐอเมริกา ส่วนบล็อคที่จะนำมาติดตั้งใน Ranger และ Everest โฉมใหม่ จะเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม
สำหรับขุมพลังไฮบริดหรือ Plug-In Hybrid คาดว่าจะมีการเปิดตัวตามหลังรุ่นมาตรฐานออกมา ส่วนขุมพลังไฟฟ้าแบตเตอรี่ ยังไม่มีความชัดเจนหรือข่าวคราวเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนชนิดนี้ ทั้งของ Ranger และ EVEREST โฉมใหม่
และด้วยการที่เป็นรถที่พัฒนามาจากรถกระบะปิกอัพ การปรับปรุงในเรื่องของเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้างของตัวรถ อาจจะทำได้ไม่ดีเหมือนรถยนต์นั่ง แต่แน่นอนว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ใน Everest โฉมใหม่ ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม เหมือนกับที่มีใน Ranger โฉมใหม่เช่นกัน แม้ว่าจะให้ความรู้สึกของความเป็นรถกระบะ หลงเหลืออยู่ก็ตาม
ห้องโดยสารภายในได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด พื้นผิวในส่วนต่างๆถูกบุด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสูงขึ้น ระบบปรับอากาศและระบบทำความอุ่นเป็นแบบใหม่ Ford ได้เน้นให้มีความสะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากขึ้น ในเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ คาดว่าจะถูกนำมาจาก Ranger โฉมใหม่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลกลางแนวตั้งขนาดใหญ่ ทั้งขนาด 10.1 และ 12.0 นิ้วตามรุ่นรถที่เลือกซื้อ มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ SYNC4 เวอร์ชั่นล่าสุด
Ford Everest ใหม่ จะมีทั้งรุ่น 5 และ 7 ที่นั่ง เหมือนกันกับโฉมก่อน ซึ่งการที่ระยะฐานล้อยาวขึ้น ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า พื้นที่จุสัมภาระ หรือพื้นที่โดยสาร จะมีการขยายใหญ่ตามไปด้วย นอกจากนั้นยังมีข่าวลืออีกว่า ปัญหาการเข้าออกที่นั่งแถวที่ 3 ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ในเจนเนอเรชั่นนี้
และนั่นคือข้อมูลล่าสุด เกี่ยวกับ All-New Ford Everest ที่มีกำหนดการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก ภายในไตรมาสแรกของปี 2022 นี้ ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ Ford น่าจะทยอยปล่อยทีเซอร์ของ Everest ออกมาเพิ่มเติม ก่อนที่จะมีการเผยกำหนดการเปิดตัวที่ชัดเจนออกมา ทำให้ปี 2022 น่าจะเป็นปีทองที่ Ford ประเทศไทย กลับมาสร้างชื่อในตลาดได้อีกครั้ง เพราะรถยนต์ทั้งสองรุ่น คือรถยนต์รุ่นหลัก ที่ทำตลาดในเมืองไทย และมีสัดส่วนรายได้ เกือบจะทั้งหมดของ Ford ประเทศไทย ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหน เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป เพราะ 2 เจ้าตลาดอย่าง Isuzu และ Toyota มีฐานลูกค้าที่ใหญ่ และมั่นคงเกินกว่าที่จะล้มได้ง่ายๆ ซึ่ง Ford ก็คงตระหนักในเรื่องนี้เป็นอย่างดี โจทย์สำคัญ จึงเป็นเรื่องของการทำยอดขายให้เป็นอันดับ 3 ที่เข้าใกล้อันดับ 2 ให้ได้มากที่สุดในตลาดรถกระบะปิกอัพ แต่สำหรับตลาดรถกระบะดัดแปลง PPV ต้องบอกว่า Ford Everest มีลุ้น ที่จะแซง ISUZU MU-X ขึ้นไปเป็นที่ 2 ได้ เพราะยอดขายในปัจจุบัน ก็ไม่ได้ทิ้งห่างกัน จนถึงกับเป็นไปไม่ได้ และตลาด PPV ก็มีขนาดเล็ก ที่เป็นงานง่ายกว่าตลาดรถกระบะ Pure Pickup อยู่มาก