Nissan ได้เปิดตัวรถสปอร์ตต้นแบบ ในชื่อ Z Proto ในปลายปี 2020 ก่อนที่ล่าสุดเมื่อวานนี้ ได้เผยโฉมรุ่น production ในชื่ออย่างเป็นทางการว่า Nissan Z ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ ของรถสปอร์ตยอดนิยมอย่าง Z หรือ Fairlady ที่เรารู้จักกันดี เป็นการยืนยันว่า รถสปอร์ตที่ใช้ขุมพลังสันดาปภายใน ยังจะมีที่ยืนอยู่ในตลาดโลก ไปอีกนานพอสมควร แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า จะได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
Nissan Z มีความแตกต่างไปจากรถต้นแบบอยู่บ้าง ที่เห็นได้ชัดก็คือ ส่วนของสปอยเลอร์ท้าย ที่มีการติดตั้งเพิ่มเข้ามา โดย Z โฉมใหม่ ยังคงเอกลักษณ์ของเจนเนอเรชั่นก่อน ด้วยส่วนของด้านหน้า ที่มีลักษณะยาวเป็นพิเศษ ในแบบรถสปอร์ต โดยยังคงสัดส่วนและรูปทรง ในแบบเดิมๆเอาไว้ แม้ว่าเส้นสายจะดูเรียบง่าย แต่ก็เน้นให้เห็นมัดกล้าม ในแบบฉบับของรถสปอร์ตจาก Nissan เส้นหลังคาลาดเอียงลงมาด้านท้าย เป็นระนาบเดียวกันกับฝากระโปรงหลัง เหมือนกับของ Fairlady ที่ถือว่าเป็น signature ของรถสปอร์ตรุ่นนี้ก็ว่าได้ ซึ่งมีการถ่ายทอดต่อๆกันมา ตั้งแต่รุ่น 240Z ภายใต้แบรนด์ Datsun ที่เปิดตัวเป็นเจนเนอเรชั่นแรก ในปี 1969 กระจังหน้ารูปสี่เหลี่ยม ที่ได้รับเสียงวิพากย์วิจารณ์มามาก ยังคงถูกรักษาเอาไว้ ใน Z รุ่น production ไฟหน้าและไฟเดย์ไทม์ LED ที่มีลวดลาย คล้ายกับรูปขอบตาบนและล่าง ก็ยังมีเหมือนในรถต้นแบบ โดยตัวถังภายนอก จะมี 3 สีแบบโมโนโทน และ 6 สีแบบทูโทน ให้เลือก
ขุมพลังของ Nissan Z เป็นเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ที่สามารถคายพละกำลังออกมาได้ ถึง 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 475 นิวตันเมตร อาจจะไม่มาก เหมือนกับที่มีการลือกันไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ทรงพลังกว่าคู่แข่งอย่าง Toyota Supra ที่มีม้าอยู่ 382 ตัว สำหรับระบบส่งกำลัง มีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน คือเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมคลัทช์สมรรถนะสูง EXEDY ที่ใช้ในวงการรถแข่ง อีกแบบก็คือเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่มาพร้อม paddle shifter อลูมิเนียม
เพื่อให้การควบคุมการขับขี่ทำได้ดีขึ้น Nissan ได้ติดตั้งโช้คอัพแบบโมโนทูบ ทั้งหน้าและหลัง ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ใหญ่กว่าที่ใช้กับ 370Z ที่ช่วยลดแรงหน่วง ได้ถึง 20% ส่งผลให้ลดแรงกระแทก จากการเคลื่อนที่ผ่านพื้นผิวที่ขรุขระได้ดีขึ้น ระบบกันสะเทือนแบบ Double Wishbone อลูมิเนียม เป็นแบบใหม่ล่าสุด โครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงขึ้น และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแบบใหม่ ช่วยให้ประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง ทำได้ดีกว่าเดิมถึง 13% Nissan Z มาพร้อมระบบห้ามล้อ ที่ดิสก์เบรคหน้า ติดตั้งคาลิปเปอร์อลูมิเนียมแบบ 4 ลูกสูบ ส่วนด้านหลัง เป็นแบบ 2 ลูกสูบ
สำหรับรุ่นที่มาพร้อมระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 9 สปีด จะมีโหมดการขับขี่แบบ Standard และแบบ Sport โดยโหมด Sport จะได้รับการอัพเกรด ในส่วนของระบบควบคุมอัตราเร่ง ระบบหักเลี้ยว ระบบ active sound enhancement และระบบตั้งค่าควบคุมการขับขี่แบบสปอร์ต
Nissan Z มี 2 รุ่นย่อยคือ รุ่น Sport และรุ่น Performance โดยรุ่น Performance จะมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยางหน้าขนาด 255/40 ยางหลังขนาด 275/35 ซึ่งรุ่น Sport จะใช้ยางขนาด 245/45 ทั้งสี่ล้อ Nissan Z Performance ยังได้รับการติดตั้งระบบล็อคเฟืองท้าย Limited Slip แบบ Clutch
สำหรับห้องโดยสารภายในของ Nissan Z จะใช้ดีไซน์สไตล์เรโทร มาพร้อมจอแสดงผลกลางดิจิตอลสไตล์รถแข่ง ขนาด 12.3 นิ้ว โดยมีมาตรวัดแบบอนาล็อค 3 เรือน ติดตั้งอยู่ด้านบน บริเวณคอนโซลหน้า ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับแรงดันบูสต์ เทอร์โบสปีด และแรงดันไฟ นอกจากนั้น ยังมีชุดเครื่องเสียงจาก Bose พร้อมลำโพง 8 ตัว
Nissan Z ยังมีรุ่นพิเศษที่เรียกว่า Z Proto Spec Edition ที่จะผลิตออกมาในจำนวนจำกัด เพียง 240 คันเท่านั้น โดยมีความพิเศษ คือสีตัวถังภายนอกจะเป็นสีเหลือง ล้ออัลลอยสีบรอนซ์ทอง เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ ตกแต่งด้วยแถบสีเหลือง และเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีเหลือง
Nissan ยังไม่ประกาศราคาจำหน่ายของ Z ออกมาในขณะนี้ แต่คาดว่าจะเริ่มต้นที่ราว 40,000 เหรียญสหรัฐหรือ 1,336,000 บาท โดยจะเริ่มจำหน่าย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ของปี 2022 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมของปีหน้า