Honda เปิดตัว พร้อมประกาศราคาจำหน่าย All-New HR-V หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Vezel ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากได้อวดโฉมรถเอสยูวีรุ่นนี้ไปแล้ว เมื่อ 2 เดือนก่อน โดย Honda คาดการณ์ว่า จะสามารถทำยอดขาย HR-V โฉมใหม่ ในแดนอาทิตย์อุทัย ได้ราว 5,000 คัน/เดือน
All-New Honda HR-V จะมีทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา และรุ่นไฮบริดในชื่อ eHEV มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า มีโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย โดยจะเน้นไปที่การใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ซึ่งระบบไฮบริดที่ว่า ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งในด้านพละกำลัง และการทำงานที่เงียบขึ้น ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC DOHC ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 104.5 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ CVT มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อ
ซึ่งในรุ่น eHEV มีการย้ายตำแหน่งการจัดวาง Power Control Unit หรือ PCU จากเดิม ที่อยู่ใต้พื้นที่จุสัมภาระ ไปไว้ที่ห้องเครื่องแทน นอกจากนั้น ยังมีการจัดวางทางเดิน ของชุดท่อไอดีและท่อไอเสียใหม่ ทำให้พื้นที่ใช้สอยของ HR-V ใหม่ กว้างขวางยิ่งขึ้น
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC DOHC ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 6600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตรที่ 4300 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ CVT ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่และใช้ใน Honda Jazz รุ่นล่าสุด โดยมีการปรับแต่งให้มีอัตราทดเกียร์ที่ต่ำลง ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล และง่ายในการควบคุมเมื่อออกตัว ให้อัตราเร่งที่ทันใจและลื่นไหล
การปรับปรุงในเรื่องเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนต่างๆ ทำให้ HR-V เจนเนอเรชั่นใหม่ ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ในรถยนต์ระดับเดียวกัน สามารถลดไอเสีย ได้ถึง 75% เมื่อเทียบกับมาตรฐานไอเสียในปี 2018 ของญี่ปุ่น ทำให้ได้รับเรตติ้งระดับ 5 ดาว
สำหรับระบบขับเคลื่อน AWD แบบ real time ดั้งเดิมของ Honda ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อให้ได้การขับขี่ที่มีเสถียรภาพ บนเส้นทางที่มีหิมะ หรือสภาพอากาศที่ย่ำแย่ ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับระบบไฮบริด eHEV แล้ว จะช่วยให้การขับขี่มีเสถียรภาพและสุนทรียภาพมากขึ้น ด้วยการกระจายแรงบิดอันมหาศาล ได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่น ของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า
และเพื่อให้การตอบสนองในการควบคุมการขับขี่ที่ดีขึ้น Honda ได้ทำการปรับแต่งส่วนต่างๆ เช่น ลดแรงเสียดทาน ของระบบกันสะเทือน เพิ่มความแข็งแรงให้กับแกนพวงมาลัย และบูชกันสะเทือน ตัวถังก็มีความแข็งแรงมากขึ้น ในขณะที่น้ำหนัก ก็ลดลงกว่าเดิม
มีการปรับปรุงในเรื่องการติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ เพื่อลดการเกิดเสียงรบกวน และแรงสั่นสะเทือน ที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นระยะ ในหลากหลายสถานการณ์ นอกจากนั้น ยังมีการนำเอาระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน มาใช้เป็นครั้งแรก
All-New Honda HR-V ยังมาพร้อมระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารภายในรถ Honda CONNECT รุ่นใหม่ล่าสุด โดยมีบริการที่เรียกว่า Honda Total Care Premium เพื่อความสบายใจ และความปลอดภัยในการโดยสาร Honda CONNECT ยังมีระบบอัพเดทแผนที่อัตโนมัติ ให้กับระบบนำทาง นอกจากนั้น ยังมีฟีเจอร์ Honda remote operation ที่ให้เราสามารถล็อค/ปลดล็อคประตูรถ เปิด-ปิดระบบปรับอากาศ ผ่านทางสมาร์ทโฟน ฟีเจอร์ Honda Digital key ที่ทำให้สมาร์ทโฟน สามารถใช้งานเป็นกุญแจรถได้ และยังมีฟีเจอร์อื่นๆอีกหลายอย่าง ที่ทำให้ HR-V ใหม่ มีความอเนกประสงค์มากขึ้น
ในด้านความปลอดภัย Honda ได้ติดตั้งระบบ Honda Sensing มาเป็นฟีเจอร์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย โดยระบบนี้ ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยการใช้กล้องหน้าแบบมุมกว้าง ที่ให้มุมมองที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ด้วยการใช้ชิบ image processing แบบ high speed ในการประมวลผล และโซน่าร์เซนเซอร์ ที่ช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวางระยะใกล้
ระบบความปลอดภัยอื่นๆที่ให้มาใน HR-V โฉมใหม่ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาด ด้านหน้าและหลัง ระบบเตือนการชนสิ่งกีดขวางในระยะสั้น พร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย เพื่อป้องกันการชนคนเดินถนน ระบบช่วยลดการเบี่ยงออกนอกเส้นทาง off-road ระบบ Adaptive cruise Control พร้อมฟังค์ชั่นตรวจจับการจราจร ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถคันหน้าเบรกกะทันหัน ระบบช่วยอ่านป้ายจราจร ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีระบบช่วยในการขับขี่ที่น่าสนใจ อย่างเช่น กล้องช่วยมองแบบ multi-view ที่มีกล้อง CMOS แบบ fisheye 4 จุด ที่ติดตั้งอยู่บริเวณกระจังหน้า ครอบกระจกมองข้างทั้งซ้ายและขวา และที่ประตูท้าย เพื่อที่จะจับภาพได้รอบคันรถ พร้อมแสดงภาพที่หน้าจอแสดงผล ระบบเตือนมุมอับสายตา ซึ่งเรเดาห์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณกันชนหลัง จะทำหน้าที่ตรวจจับยานพาหนะที่ขับขี่ตามมา ในระยะ 25 เมตร และจะแจ้งเตือนไปยังผู้ขับขี่ผ่านทางสัญญาณกระพริบบนกระจกมองข้าง
สำหรับอุปกรณ์และเทคโนโลยีใหม่ๆที่ติดตั้งใน HR-V เป็นครั้งแรกได้แก่ ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี หลังคาแบบ panoramic ที่มาพร้อมกระจกกรองแสงแบบ Low-e Glass ที่ช่วยกรองแสงอัลตร้าไวโอเลตและอินฟราเรดได้ไม่ต่ำกว่า 90%
ช่องปรับอากาศดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Soyo Outlet
ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร แบบสัมผัสไฟฟ้าสถิตย์ ด้วยการใช้นิ้วมือสัมผัสที่หลอดไฟ ในการควบคุมการเปิดปิด ทำให้สะดวกในการใช้งาน โดยไม่จำเป็น จะต้องมองที่ไปตำแหน่งของหลอดไฟโดยตรง
ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม ที่พัฒนาขึ้นโดย Honda เอง ซึ่งเป็นการออกแบบขึ้นมา เพื่อให้เหมาะกับตัวถังของ Honda โดยเฉพาะ ด้วยการใช้วัสดุเคฟล่าร์จาก DuPont สำหรับลำโพงที่มีถึง 10 ตัว ซึ่งเป็นวัสดุ ที่มีการใช้กับลำโพงระดับไฮเอนท์ทั่วไป แอมปลิฟายเออร์สมรรถนะสูงจาก PIONEER พร้อมการปรับแต่ง จากผู้เชี่ยวชาญในด้านระบบเสียง
Honda ทำตลาด HR-V ใหม่ ในประเทศญี่ปุ่นด้วย 4 รุ่นย่อย โดยเป็นรุ่นไฮบริด 3 รุ่น คือ eHEV X / eHEV Z และ eHEV Play ในราคาเริ่มต้นที่คิดเป็นเงินไทย ราว 772,000 บาท ไปจนถึง 957,500 บาท อีก 1 รุ่น ก็คือรุ่น G ที่มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร ในราคาสูงสุดเมื่อคิดเป็นเงินไทย ที่ 725,000 บาท