หลังจากที่วันก่อน เราได้นำเสนอข้อมูลเบื้องต้น ของ Audi e-Tron GT รถสปอร์ตซีดานพลังงานไฟฟ้า พร้อมเผยให้เห็นสายการผลิต ที่โรงงานในประเทศเยอรมนีไปแล้ว วันนี้ Audi ประเทศไทย ได้ทำการเปิดตัว Audi e-Tron GT เป็นครั้งแรกในอาเซียน โดยจะทำตลาดใน 3 รุ่นย่อย คือ e-tron GT quattro, e-tron GT quattro Performance และรุ่นสูงสุด RS e-tron GT quattro ในราคาเริ่มต้น 6,390,000 บาท ไปจนถึง 9,490,000 บาท
เริ่มจากรุ่น Audi e-tron GT quattro ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น กับราคาค่าตัว ที่ 6,390,000 บาท มาพร้อมระบบ electric quattro ที่จะช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ การทรงตัว และออกตัวในลักษณะเร่งแซง ที่มีประสิทธิภาพ ก้าวล้ำกับนวัตกรรมไฟหน้า Matrix LED with Laser light ลำแสงคมชัด ทัศนวิสัยกว้างไกล ซึ่งให้ระยะการส่องสว่างของไฟสูง ได้ไกลกว่าไฟ LED ถึงสองเท่า สามารถลดการกระจายแสงรบกวนต่อเพื่อนร่วมทาง ทั้งรถที่สวนทาง และรถคันที่อยู่ด้านหน้า ส่งผลทำให้ผู้ขับขี่ ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ไฟท้าย LED มาพร้อมเอฟเฟกต์ Light staging เมื่อปลดล็อค หลังคาพาโนรามิค ช่วยให้แสงเข้าสู่ตัวรถได้มากขึ้น เสริมสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้ดูสว่างและกว้างขวาง โดยมีการผสานเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่ช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดด เข้าสู่ภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี ล้ออัลลอยเป็นขนาด 20 นิ้ว ดิสก์เบรกสี่ล้อ พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีดำ
Audi e-tron GT quattro ถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า ใน Boost Mode แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน Boost Mode ได้ภายในเวลา 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด อยู่ที่ 245 กม./ชม. มาพร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ขนาดความจุ 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทางสูงสุด อยู่ที่ 540 กิโลเมตรต่อชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC มีการใช้เทคโนโลยี e-sound สร้างเสียงสังเคราะห์แบบ Sports เพื่อเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่
Audi e-tron GT quattro ยังมาพร้อมเทคโนโลยีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ทั้งระบบแจ้งเตือน เมื่อรถออกนอกเลน ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา เมื่อเปลี่ยนเลน ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านหน้ารถ เมื่ออยู่ทางแยก ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถ เมื่อเปิดประตูลงจากรถ ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง
Audi e-tron GT quattro ยังมาพร้อมระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (recuperation) ใน 2 รูปแบบ คือ จากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว และการถอนเท้าออกจากคันเร่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ สามารถเดินทางในระยะทางที่มากกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ขับขี่ ยังสามารถเลือกตั้งระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ โดยผ่านฟังก์ชั่น Predictive efficiency assist (PEA) ในระบบ MMI
ภายในตกแต่งแบบสปอร์ต พวงมาลัยไฟฟ้าสปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง Optimized Progressive แบบมัลติฟังก์ชั่น หน้าจอ Virtual cockpit plus ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลมาตรวัดความเร็ว และรอบเครื่อง พร้อมติดตั้งระบบ Cruise control ระบบ MMI Navigation plus พร้อมหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ติดตั้งพร้อม ระบบ Audi smartphone interface และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ช่อง USB-C สำหรับห้องโดยสารด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และ USB สำหรับห้องโดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen แบบ 3 มิติ พร้อมไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร 30 เฉดสี เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 3 โซน ความจุของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 85 ลิตร ด้านหลัง 405 ลิตร
สำหรับ Audi e-tron GT quattro Performance ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 6,790,000 บาท จะได้รับการตกแต่งอุปกรณ์ เพิ่มเติมจากรุ่น e-tron GT quattro 3 รายการ ได้แก่ ล้ออัลลอยที่ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 21 นิ้ว เพิ่ม On board charger (AC) สามารถรองรับการชาร์จกำลังไฟ AC ได้สูงสุดถึง 22 KW จากรุ่นปกติ ที่รองรับการชาร์จกำลังไฟ AC ได้ 11 KW ส่งผลให้ใช้เวลาในการชาร์จแบบ AC สั้นลง เหลือเพียงประมาณ 5 ชั่วโมง 15 นาทีเท่านั้น ดิสก์เบรกหน้า-หลังเคลือบทังสเตนคาร์ไบด์ (Tungsten Carbide) พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีส้ม ช่วยลดการเกิดสนิมและฝุ่นบนจานเบรก และยังช่วยระบายความร้อนของจานเบรกได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งยืดอายุการใช้งานของเบรก ได้ยาวนานกว่าระบบเบรกแบบสตีล (steel) ถึง 30% ระยะทางขับเคลื่อนต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง อยู่ที่ 523 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบแบบ NEDC)
ส่วนรุ่นสูงสุด Audi RS e-tron GT quattro ที่มีราคาค่าตัว อยู่ที่ 9,490,000 บาท เป็นยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ที่มีความโดดเด่นในด้านดีไซน์ สมบูรณ์แบบ สวยงาม โฉบเฉี่ยว สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ที่ผสมผสานดีไซน์ ฟังก์ชั่น และความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ลายพิเศษ ดิสก์เบรกหน้า-หลัง เคลือบทังสเตนคาร์ไบด์ (Tungsten Carbide) พร้อมคาลิเปอร์เบรกสีแดง ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Black package พร้อมตกแต่งกระจกมองข้างด้วยสีดำ และตกแต่งกระจังหน้าด้วยสีดำ Glossy black พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง โดยด้านหน้าความจุ 85 ลิตร ด้านหลัง 350 ลิตร
Audi RS e-tron GT quattro ใช้ขุมพลังที่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้พละกำลังสูงสุด ถึง 646 แรงม้า ใน Boost Mode แรงบิดสูงสุด 830 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 3.3 วินาที ใน Boost Mode ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม. สามารถขับขี่ไปได้ไกลสูงสุด ถึง 504 กิโลเมตรต่อชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC)
Audi RS e-tron GT quattro ได้รับการออกแบบภายใน ตามแบบฉบับของ Audi Sport ที่มีการจัดวางตำแหน่งที่นั่งภายในห้องโดยสารอันชาญฉลาด ส่งผลให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขวาง และนั่งได้อย่างสะดวกสบาย ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลาย Matte Carbon Twill ด้านข้างของคอนโซลกลางหุ้มหนัง Alcantara สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ทำให้ดูสวย ดุดัน และสปอร์ตเพิ่มขึ้น ที่วางแขนข้างประตู หุ้มหนัง Fine Nappa ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เอกลักษณ์โดดเด่น แสดงให้เห็นถึงความสปอร์ต ด้วยสายเข็มขัดนิรภัยสีแดงล้วน
พรมในห้องโดยสารด้านหน้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sports Pro ตกแต่งแบบ Honeycomb พร้อมฟังก์ชั่นระบายอากาศ และนวดเพื่อการผ่อนคลาย พวงมาลัยไฟฟ้า แบบมัลติฟังก์ชั่น ทรงสปอร์ตท้ายตัด หุ้มหนัง Alcantara พร้อมสัญลักษณ์ RS เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ขับขี่ ด้วยระบบแสดงข้อมูล Head-up display ภายในที่กว้างขวางตามแบบฉบับของ Audi Sport เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพอันทรงพลัง และสมรรถนะอันเร้าใจ พร้อมความสะดวกสบายตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน
Audi e-tron GT มีให้เลือกทั้งหมด 9 สี ดังนี้ สีขาว Ibis White Solid สีเงิน Floret Silver Metallic สีดำ Mythos Black Metallic สีเทา Daytona Grey Pearl Effect สีเทา Kemora Grey Metallic สีเทา Suzuka Grey Metallic สีแดง Tango Red Metallic สีน้ำเงิน Ascari Blue Metallic สีเขียวเหลือง Tactics Green Metallic
ทั้งนี้ Audi e-tron GT ทุกรุ่น มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี