สืบเนื่องมาจากการเปิดตัว All-New Isuzu D-MAX เจนเนอเรชั่นที่ 3 เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา Isuzu ยังยืนยันถึงเป้าหมายยอดขาย ที่ 178,000 คัน ในปี 2019 ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกันกับยอดขายของปี 2018 อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจ ที่ไม่สู้ดีนักในปีนี้ ทำให้ Isuzu จำเป็นต้องคงระดับตัวเลขไว้ดังเดิม
และจากข้อมูลยอดขาย D-MAX ล่าสุด ใน 9 เดือนแรกของปี 2019 Isuzu ทำยอดขายรวม ไปแล้วที่ 125,959 คัน เป็นยอดขายของ D-MAX ที่ 107,073 คัน หรีอคิดเป็นสัดส่วน 85% ของยอดขายทั้งหมด ครองส่วนแบ่งตลาด ที่ 33.2% ทำให้เหลือยอดขายเพียง 44,234 คัน สำหรับ 3 เดือนสุดท้าย หรือเฉลี่ยเดือนละ 14,745 คัน คิดเป็นตัวเลขกลมๆ ที่ 15,000 คันต่อเดือน สำหรับ D-MAX ที่จะต้องพิชิต และแน่นอนว่า ยอดขายที่เหลือ ส่วนใหญ่ก็จะมาจาก All-New D-MAX ที่เพิ่งเปิดตัวไป
และตั้งแต่มีการเปิดตัว มาตั้งแต่ปี 1958 Isuzu ได้จำหน่ายรถบรรทุกและกระบะ ไปแล้วกว่า 4 ล้านคัน นับจนถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีโรงงานผลิต 2 แห่งในเมืองไทย คือที่จังหวัดสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา ด้วยกำลังการผลิต รวม 366,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ประมาณ 170,000 คัน
Isuzu D-MAX เจนเนอเรชั่นที่ 3 มาพร้อมจุดขายหลายอย่าง ไฮไลต์สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่าเดิม 30 มิลลิเมตร ที่ 3,125 มม ในขณะที่โครงสร้างตัวถัง มีความแข็งแรงมากกว่าเดิม 23% และแพลตฟอร์มนี้ รวมถึงเครื่้องยนต์ ระบบส่งกำลัง และระบบไฟฟ้าภายในตัวรถ จะถูกส่งต่อ ไปยังพันธมิตรรายใหม่ ที่ลงนามในสัญญา มาตั้งแต่ปี 2016 นั่นก็คือ Mazda BT-50 Pro ที่มีการยืนยันจากผู้บริหารในเมืองไทย ว่าจะมีการเปิดตัวในปี 2020 ที่จะถึง
และแม้ว่า Mazda BT-50 Pro จะใช้พื้นฐาน รวมถึงโรงงานผลิตเดียวกันกับ D-MAX โฉมใหม่ แต่ในเรื่องของดีไซน์ ทั้งภายนอกและภายใน จะเป็น Mazda เอง ที่จะทำการออกแบบใหม่ทั้งหมด ในทิศทางของบริษัท และการจับมือกับ Isuzu ในครั้งนี้ เชื่อว่า Mazda น่าจะประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ ได้มากกว่าที่เคยเป็นมา จากความได้เปรียบในด้านเทคนิค และชื่อเสียงของ Isuzu D-MAX ที่สั่งสมในเมืองไทย มานานหลายสิบปี