เจาะลึกโคตรรถปิกอัพแห่งอนาคต Tesla Cybertruck พลังไฟฟ้า โชว์จุดแข็งะเหนือกว่าคู่แข่ง

Tesla เปิดตัว Cybertruck รถกระบะไฟฟ้ารูปทรงล้ำยุคอย่างเป็นทางการแล้ว ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิม นานถึง 2 ปี ด้วยราคาจำหน่าย ที่สูงกว่ราคาเดิม ที่ได้เคยประมาณการณ์เอาไว้ พร้อมโชว์สมรรถนะความเหนือชั้น ข่มรถกระบะปิกอัพชื่อดังรุ่นอื่นๆ รวมถึงรถสปอร์ตหรู อย่าง Porsche 911 ด้วย

ในที่สุด การส่งมอบรถกระบะไฟฟ้า Tesla Cybertruck ให้กับลูกค้าล็อตแรก ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในสหรัฐอเมริกา ล่าช้ากว่ากำหนดถึงสองปี ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นอีก ถึง 30,000 เหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าที่เคยประกาศไว้ครั้งแรก ด้วยระยะทางขับขี่ ที่น้อยกว่าที่เคยเคลมไว้ โดยยังไม่มีความชัดเจนว่า Cybertruck รุ่นพวงมาลัยขวา จะมีการผลิตออกมาทำตลาดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากการแถลงข่าวของ Elon Musk ซีอีโอ Tesla เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ในตอนนี้ แม้ว่าจะมีหน้าแสดงข้อมูลของ Cybertruck บนเว็บไซต์ Tesla Australia แต่ก็มีปุ่มให้กดพร้อมข้อความว่า ‘รับการอัปเดต’ ที่ให้ผู้ที่สนใจซื้อ ส่งชื่อเพื่อรับอีเมลทางการตลาด แทนที่จะเป็นปุ่ม ‘สั่งซื้อทันที’ เหมือนที่อยู่บนเว็บไซต์ Tesla สหรัฐอเมริกา

Tesla Cybertruck ที่ถูกส่งไปตามโชว์รูม พร้อมจำหน่ายแล้ว ได้ถูกเผยโฉมในงานส่งมอบให้กับลูกค้ารายแรก ในสหรัฐอเมริกาวันนี้ ซึ่งรูปโฉมโดบรวม ก็ดูเหมือนกับรถต้นแบบ ที่เปิดตัวไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในเวลานั้น บริษัทแถลงว่า จะมีการส่งมอบครั้งแรก ในปลายปี 2021

มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ก่อนที่จะมีการผลิต รวมถึงสัดส่วนที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ มาพร้อมกันชนที่แตกต่างออกไปจากเดิม และการเปลี่ยนแปลงในส่วนของชุดไฟส่องสว่าง แต่ก็ยังคงดีไซน์เดิม ให้เป็นไปตามรถต้นแบบ ซึ่งหลายคนยังเคยปรามาส Tesla ไว้ว่า รถรุ่นนี้ จะไม่มีการผลิตออกมาจำหน่ายจริง

Elon Musk พูดในระหว่างการแถลงข่าวว่า “เรามีรถตัวจริงอยู่ที่นี่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญต่างบอกว่า มันเป็นไปไม่ได้ พวกเขาบอกว่า เราจะไม่มีทางสร้างมันขึ้นมาได้ ผมคิดว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของเรา มันจะเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์ที่สุดบนท้องถนน และในที่สุด รถแห่งอนาคต ก็จะกำลังจะกลายเป็นอนาคต”

เช่นเดียวกับที่เขาทำเมื่อสี่ปีที่แล้ว Musk กล่าวอ้างด้วยความมั่นใจ เกี่ยวกับยานพาหนะ ที่มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารถบรรทุก ต้องขอบคุณตัวถังสแตนเลส ที่ทำจากโลหะผสมใหม่ ที่ออกแบบโดย Tesla แต่ยังคงความเป็นรถสปอร์ต ที่ดีกว่ารถสปอร์ตทั่วไป

วิดีโอที่ถูกเปิดแสดงบนเวที เผยให้เห็นความสามารถในการกันกระสุน จากอาวุธปืนของ Tommy Gun และ MP5 โดยยังมีการโชว์สมรรถนะในการลากจูง ที่เหนือกว่ารถกระบะไฟฟ้าคู่แข่งต่างๆ ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และยังสามารถเอาชนะปอร์เช่ 911 รุ่นพื้นฐาน ในการแข่งขันแดร็ก แถมยังสร้างเซอร์ไพรซ์ ด้วยลากรถพ่วง ซึ่งเป็นปอร์เช่ 911 อีกคันหนึ่ง

Musk และ Franz von Holzhausen หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Tesla กล่าวย้ำถึงการแสดงผาดโผนอันโด่งดัง ในการเปิดตัวรถต้นแบบ ในปี 2019 ที่ทำให้ Tesla เสียหน้าไปไม่น้อย จากการขว้างลูกเหล็กไปที่บานกระจกหน้าต่างของรถ ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นเกราะกำบัง ซึ่งตอนนั้นกระจกแตกร้าว ได้รับความเสียหาย จากการถูกขวางด้วยลูกเหล็กทั้ง 2 ครั้ง ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ครั้งนี้ ประสบความสำเร็จ กระจกไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด แต่มีการเปลี่ยนจากการใช้ลูกเหล็ก มาเป็นลูกเบสบอล ที่เบาและนุ่มกว่าเดิมมาก ที่ Musk คุยว่า ต่อให้เอาพิชเชอร์มืออาชีพ มาขว้างลูกบอลใส่กระจกรถ มันก็จะไม่ระคายเคืองใดๆ

แม้ว่า Tesla จะสามารถนำรถเข้าสู่สายการผลิตได้ แต่มันก็ยังขาดอะไรหลายอย่างที่ Musk เคยรับปากไว้ ในตอนที่มีการมีการเปิดตัวรถต้นแบบ ในปี 2019 เมื่อสี่ปีที่แล้ว มีการแถลงว่า ราคาจะอยู่ระหว่าง 39,900 ถึง 69,900 เหรียญสหรัฐ ระยะการขับขี่ จะอยู่ที่ 500 ไมล์ (800 กม.) และลากจูงได้สูงสุด 14,000 ปอนด์ (6,350 กิโลกรัม) แต่พอเอาเข้าจริงๆ รุ่น production กลับมีราคาเริ่มต้น ที่ 60,990 ไปจนถึง 99,990 เหรียญสหรัฐ ซึ่งมีราคาแพงกว่าที่เคยเปรยไว้ ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ โดยมีระยะทางวิ่งสูงสุด 340 ไมล์ (547 กม.) และ ความสามารถในการลากจูง 11,000 ปอนด์ (4990 กก.) อย่างไรก็ตาม Tesla ทำได้ตามสัญญา ในเรื่องของอัตราเร่ง จาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.7 วินาที สำหรับรุ่นท็อปสุด ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ซึ่งรู้จักในชื่อ ‘ไซเบอร์บีสท์’ และมันก็ได้กลายเป็นรถที่มีอัตราเร่งดีที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง เร็วกว่า Rivian R1T, Ford F-150 Lightning และรถกระบะไฟฟ้ารุ่นอื่นๆของคู่แข่ง

เว็บไซต์ Tesla อ้างอิงถึง “Range Extender” ว่าเป็นแบตเตอรี่ที่มีขนาดเท่ากับกล่องเครื่องมือ วางอยู่บนพื้นกระบะท้าย คล้ายกับแบตสำรองโทรศัพท์มือถือ โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ ให้ได้มากถึง 755 กม. โดยจะมีด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยมอเตอร์คู่ รุ่น Cyberbeast แบบสามมอเตอร์ พร้อมวางจำหน่ายในปี 2024 และรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์เดี่ยว จะเปิดตัวในปี 2025

รุ่นเริ่มต้นมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.7 วินาที ระยะทางการขับขี่โดยประมาณ 402 กม. ความเร็วสูงสุด อยู่ที่ 180 กม./ชม. และมีความสามารถในการลากจูง ที่ 3,402 กก. ด้วยความเร็วขนาดนี้ อัตราเร่งก็ยังดีกว่า และสามารถลากจูงได้เกือบเท่าๆกับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เครื่องยนต์ดีเซล V6 ที่มีขนาดเล็กกว่า

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์คู่ ให้กำลังขับ 447 กิโลวัตต์ หรือราว 600 แรงม้า ระยะทางขับขี่สูงสูด 547 กม. (หรือ 755 กม. ด้วย Range Extender) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.1 วินาที ความสามารถในการลากจูง ที่ 4,990 กก.

Cyberbeast แบบสามมอเตอร์ไฟฟ้า มีราคาอยู่ที่ 99,990 เหรียญสหรัฐ ด้วยกำลัง 630kW หรือ 845 แรงม้า ระยะทางชับขี่ 515 กม. (หรือ 705 กม. ด้วย Range Extender) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.7 วินาที อัตราเร่งควอเตอร์ไมล์ 11 วินาที (ที่ 402 ม.) ความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม. และน้ำหนักลากจูงสูงสุด 4,990 กก. โดยสามารถชาร์จได้ ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 250kW จาก Tesla Supercharger ซึ่งมีการกล่าวกันว่า สามารถทำให้รถวิ่งได้อีก 235 กม. จากการเวลาในการชาร์จไฟเพียง 15 นาที

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Cybertruck เป็นยานพาหนะที่มีน้ำหนักมาก โดยหนักถึง 3,104 กิโลกรัม สำหรับรุ่น Cyberbeast แต่มันก็มีขนาดที่ใหญ่ คือ ยาว 5,683 มม. กว้าง 2,200 มม. และสูง 1,791 มม. ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่าง Ford Ranger แบบดูอัลแค็บและ Ford F-150 ฐานล้อสั้น และกว้างกว่า F-150 200 มม. กว้างกว่าเรนเจอร์ 300 มม.

เทสลาอ้างว่า น้ำหนักบรรทุกที่ 1,134 กิโลกรัม ที่โดยไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นรองพื้นกระบะ และใหญ่พอสำหรับสัมภาระ ขนาด 4 ฟุต (1.22 ม.) x 8 ฟุต (2.44 ม.) ฝาครอบระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และพื้นที่จัดเก็บด้านหน้าควบคุมไฟฟ้า มีความจุที่ 1897 ลิตร ที่ปิดล็อคได้

ไซเบอร์ทรัคมีระบบชาร์จแบบสองทิศทาง จึงสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอก หรือบ้าน ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ ได้สูงสุด ถึง 11.5 กิโลวัตต์ รวมถึงช่องจ่ายไฟขนาดแรงดันไฟฟ้า 120 โวลต์ และ 240 โวลต์ บริเวณพื้นรองสัมภาระ และภายในห้องโดยสาร

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมปรับได้ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยระยะยุบตัวของล้อสูงสุด 305 มม. และระยะห่างจากพื้น 432 มม. พร้อมยางขนาด 35 นิ้ว ที่หุ้มล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว Cybertruck มาพร้อมระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนการบังคับเลี้ยวตามความเร็วรถ และบังคับเลี้ยวที่ล้อหลัง โดย Musk อ้างว่า ให้วงเลี้ยวที่แน่นกว่าซีดานอย่าง Model S

ผู้ซื้อจะสามารถเลือกอุปกรณ์เสริมต่างๆได้ เช่น แถบไฟส่องสว่างติดหลังคาที่มีระยะการส่องที่ 480 เมตร เต็นท์กระบะท้ายที่ใหญ่พอสำหรับผู้ใหญ่ 2 คน และล้ออะไหล่ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในพื้นที่จุสัมภาระ ไม่ได้ติดตั้งอยู่ใต้กระบะ

เว็บไซต์ Tesla อ้างว่า บานหน้าต่างด้านข้างสามารถทนต่อแรงกระแทกของลูกเบสบอลที่ความเร็ว 112 กม./ชม. หรือ “ลูกเห็บระดับ 4” พร้อมทั้งทำให้ห้องโดยสาร เงียบราวกับว่าอยู่ในอวกาศ ตัวถังรถมีความทนทานต่อการบิดมากกว่าซุปเปอร์คาร์อย่าง McLaren P1 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ 0.335

ภายในห้องโดยสาร จะพบหน้าจอกลางระบบสัมผัส ขนาด 18.5 นิ้ว ที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Tesla แต่จะมีกราฟิกเฉพาะของรุ่น Cybertruck พร้อมด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 9.0 นิ้วสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ห้องโดยสารขนาดห้าที่นั่ง มีความเรียบง่าย โดยไม่มีจอแสดงผลการขับขี่โดยเฉพาะ มีแถบไฟสร้างบรรยากาศ LED โดยรอบ และวัสดุที่ใช้บุภายในเป็นสีดำและสีขาว ในขณะที่พวงมาลัยเป็นการผสมผสานระหว่างพวงมาลัยรูปวงกลมแบบดั้งเดิม กับพวงมาลัยของเครื่องบิน

นอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จโทรศัพท์และแล็ปท็อป มีเครื่องกรองอากาศแบบ HEPA และหลังคากระจกแบบพาโนรามา

และนั่นก็คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ Tesla Cybertruck ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการผลิตรุ่นพวงมาลัยขวา ออกมาจำหน่ายหรือไม่