เอ็มจี (ประเทศไทย) สร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์นั่ง ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 จับสปอร์ตคูเป้ซีดาน MG5 ตกแต่งเป็นรุ่นพิเศษ New MG5 10th Anniversary Special Edition โดยมาพร้อมตัวถังสีใหม่ สีเทา “Crayon Grey” คุมโทนการตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน ด้วยสไตล์ “โมโนโครม” ใส่ออปชั่นเพื่อการขับขี่ไว้อย่างครบครัน ตั้งธงเพิ่มความคุ้มค่า ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ด้วยราคาจำหน่าย เพียง 589,900 บาท ดาวน์เริ่มต้น เพียง 10% พร้อมให้สัมผัสตัวจริงแล้ว ที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ
สำหรับ MG5 ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน มียอดขายสะสมแล้วกว่า 21,000 คัน ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น จนคว้ารางวัลการออกแบบระดับโลก อย่าง “Good Design Award 2021” สาขา “Compact Sport Cars” จากประเทศญี่ปุ่น ลูกค้าคนไทย ต่างให้การยอมรับด้านการออกแบบดีไซน์ และเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ รวมถึงการบริหารพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ดีเยี่ยม ส่งผลให้ MG5 ยังคงคอนเซ็ปต์การเป็นรถเก๋งซีดาน ที่มีห้องโดยสารใหญ่ที่สุดในคลาส มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ เทียบเท่า C-Segment ผู้โดยสาร จึงได้รับความสะดวกสบายในทุกตำแหน่งที่นั่ง
การมาของ New MG5 10th Anniversary Special Edition จะนำพาแบรนด์ไปสู่กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเจนใหม่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยใช้สีเทา – ดำ ในการตกแต่ง เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นรุ่นพิเศษ ตั้งแต่ตัวถังสีเทาเฉดใหม่ Crayon Grey ที่สอดรับกับการตกแต่งด้วยสีดำในหลากหลายตำแหน่งรอบคัน จัดวางโลโก้ 10th Anniversary ที่ประตูท้าย และล้ออัลลอยสีดำดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว ภายในห้องโดยสาร ยังคงใส่ความสปอร์ตในทุกอณู มาพร้อมหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ครบครันด้วยเทคโนโนโลยีความปลอดภัย พร้อมรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย ตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
EXTERIOR DESIGN: สปอร์ตคูเป้ลุคใหม่ ที่มีอัตลักษณ์บ่งบอกความเป็นรุ่นพิเศษ
สำหรับเอกลักษณ์เฉพาะที่บ่งบอกตัวตนใหม่ของ New MG5 10th Anniversary Special Edition ด้วยตัวถังสีเทาใหม่ “Crayon Grey” มีการเพิ่มโลโก้ 10th Anniversary ที่บอกถึงความเป็นรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี ที่ฝากระโปรงท้าย และบริเวณล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว อีกทั้งยังเลือกใช้ “สีดำ” ในการเพิ่มลุคสปอร์ตหลากหลายตำแหน่งรอบคัน ดังนี้
• กระจกมองข้าง
• มือจับประตู
• โลโก้แบรนด์เอ็มจี และชื่อรุ่น MG5 บริเวณฝากระโปรงท้าย
• ล้ออัลลอย
นอกจากนี้ New MG5 10th Anniversary Special Edition ยังคงเหนือระดับด้วยตัวถัง และห้องโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในคลาส เทียบชั้นรถในระดับ C-segment Sedan และคาแรกเตอร์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
• มิติตัวถังมีดังนี้ ยาว 4,675 x กว้าง 1,842 x สูง 1,480 มิลลิเมตร
• ระยะความยาวฐานล้อ 2,680 มิลลิเมตร
• กระจังหน้า 3 มิติ
• ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด อัตโนมัติ
• ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
• ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
INTERIOR DESIGN: ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
แม้ว่า New MG5 10th Anniversary Special Edition จะจัดอยู่ในกลุ่มรถ B-Sedan แต่จุดเด่นที่เหนือกว่าใครของ MG5 คือ ตัวรถที่มีขนาดใหญ่ ถือเป็นรถดีไซน์สปอร์ตคูเป้ที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งโดยสารได้สะดวกสบายที่สุดในคลาสเทียบเท่ารถในระดับ C-Sedan ดีไซน์ภายในให้อารมณ์สปอร์ตด้วยการคุมโทนด้วยสีดำตัดด้วยสีแดง และเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก
• เบาะหนังทรงสปอร์ตโอบรับสรีระ
• เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า
• เบาะนั่งด้านหลังพับได้ ปรับพื้นที่ห้องโดยสารให้สามารถจุของได้มากขึ้น
• หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-Function Display)
• หน้าจอ Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว
• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
• กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down
• ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• ลำโพง 6 จุด
• รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android
• ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
• ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล
• ระบบกรองอากาศ PM 2.5
PERFORMANCE: สมรรถนะที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
New MG5 10th Anniversary Special Edition ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด
• ระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION
• พวงมาลัยปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ คือ ในเมือง มาตรฐาน และสปอร์ต
• ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน (Rack and Pinion) ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
• ระบบช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง
• ระบบช่วงล่างหลังทอร์ชันบีม (Torsion Beam)
• ดิสก์เบรก 4 ล้อ
SAFETY: มั่นใจทุกการเดินทางด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่ครบครัน
New MG5 10th Anniversary Special Edition มอบความมั่นใจทุกเส้นทางขับขี่ ตั้งแต่โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ครบครันด้วย Advanced Synchronized Protection System ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System)
• ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
• ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
• ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
• ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
• ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
• ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
• ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX และไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้คนไทยได้เป็นเจ้าของยนตรกรรมที่คุ้มค่า จึงส่ง New MG5 10th Anniversary Special Edition จำหน่ายในราคา 589,900 บาท และเพื่อเพิ่มโอกาสในการจองซื้อรถให้กับลูกค้ามากขึ้น เอ็มจี ร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำเพื่อให้ลูกค้าชำระเงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 58,990 บาท (10% จากราคาจำหน่าย) และมอบประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นาน 1 ปี สำหรับลูกค้าที่จองซื้อภายในวันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2566 และรับรถยนต์ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 เท่านั้น พร้อมเปิดให้จองรถได้ตั้งแต่วันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ bit.ly/BookMG510AnniversarySpecialEdition หรือแอพพลิเคชัน MG THAILAND และสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมที่ bit.ly/NewMG5-10thAnniversarySpecialEdition รวมทั้งสัมผัสคันจริงได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการคุณภาพ 150 แห่ง ทั่วประเทศ”