ในขณะที่ตลาดรถกระบะปิกอัพเครื่องยนต์สันดาปภายในที่เมืองไทย กำลังประสบกับปัญหายอดขายถดถอยอย่างหนัก ถึงกับทำให้ยอดขายในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ลดลงจากปีก่อนถึงกว่า 30% ส่งสัญญาณที่ไม่ดีนักกับเจ้าตลาดอย่าง Isuzu เพราะยอดขายส่วนใหญ่ของบริษัทต้องพึ่งพารถกระบะปิกอัพขนาด 1 ตันเป็นหลัก และตอนนี้ Isuzu ก็เป็นเจ้าตลาดในเมืองไทยอยู่ในปัจจุบันอยู่ด้วย เรียกว่าหากไม่มีแผน 2 หรือ 3 ในอนาคตก็ไม่มีใครบอกได้ว่า ในตลาดนี้ Isuzu จะทำได้ดีเหมือนในอดีตที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตาม ทิศทางใหม่ของ Isuzu กำลังจะเริ่มขึ้น เมื่อสำนักข่าว Nikkei ของญี่ปุ่น ได้รายงานว่า Isuzu Motors มีแผนเปิดตัวรถกระบะไฟฟ้าในเมืองไทย หรือตลาดใดตลาดหนึ่งในโลก ในปี 2025 เป็นอย่างเร็ว เพื่อที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่คู่แข่งจากจีน ที่ตอนนี้กำลังทำได้ดีกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า จะเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้อย่างจริงๆจังๆ ซึ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะในไทย ลูกค้าให้การยอมรับทั้งแบรนด์จีนและรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ามากกว่าในอดีตมาก
Isuzu ครองส่วนแบ่งตลาดรถกระบะในเมืองไทยเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตลาดที่มีสัดส่วนสูงถึง 40% ของทั้งตลาดรถยนต์ในไทย สำหรับรถกระบะปิกอัพไฟฟ้ารุ่นแรกของ Isuzu จะใช้พื้นฐานมาจาก D-MAX ของบริษัท โดยการเปิดตัว คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2025 ISUZU ยังวางแผนที่จะใช้ประเทศไทย เป็นฐานในการผลิตรถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้ เพื่อส่งขายในประเทศแถบยุโรปด้วย ซึ่งในขณะนี้ บริษัทกำลังพัฒนารถต้นแบบอยู่ ในขณะที่ทางเลือกที่เป็นระบบไฮบริดจาก Isuzu คนไทยก็มีโอกาสที่จะได้เห็น D-MAX Hybrid อีกไม่นาน ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นปี 2024 เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ทันกับ Toyota ที่มีแผนในการเปิดตัว Hilux Hybrid ภายในปลายปีนี้หรือปีหน้า 2024
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหาร Isuzu ยังให้สัมภาษณ์ในเชิงแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องช่วงเวลาที่แน่นอนในการผลิตและจำหน่าย โดยนาย ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ได้เปิดเผยถึงแผนพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าว่า แม้ว่าอีซูซุได้เปิดตัว Elf EV ที่ญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่การเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอื่นๆ ต้องคำนึงถึงความต้องการลูกค้าเป็นหลัก สำหรับการเปิดตัว Elf EV รถบรรทุกไฟฟ้าในไทย อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา
สำหรับ ISUZU D-MAX EV อยู่ในขั้นตอนการพัฒนารถต้นแบบ จะมีการประกอบที่โรงงานในเมืองไทย และส่งออกไปขายที่ทวีปยุโรป เนื่องจากบริษัทได้ย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย ทำให้การที่จะประกอบในประเทศญี่ปุ่นเป็นเรื่องยากมาก ซึ่งบริษัทไม่สามารถระบุระยะเวลาที่ชัดเจนได้ว่า จะดำเนินการเมื่อไร เพราะยังอยู่ในกระบวนการขั้นตอนการพัฒนา การใช้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิต ถามว่าต้องลงทุนเพิ่มหรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด หากความต้องการเพิ่ม บริษัทจำเป็นต้องขยายโรงงาน ส่งผลให้ต้องเพิ่มการลงทุนเพิ่มขึ้น หากชิ้นส่วนกระบะไฟฟ้าคล้ายกับ D-MAX ปัจจุบัน ก็สามารถใช้สายการผลิตเดิมได้ มีเพียงชิ้นส่วนแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่แตกต่าง และต้องเพิ่มสายการผลิตใหม่
ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับลูกค้าชาวไทย ที่จะมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น และเป็นทางเลือกจากเจ้าตลาดของไทยอีกด้วย ในปีหน้า 2024 เราน่าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการรถกระบะปิกอัพของไทย ในรอบหลายสิบปี จากการเริ่มเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า อย่างน้อยก็น่าจะมีรถกระบะไฮบริดให้ได้เห็น 1-2 รุ่น