ปาดหน้าญี่ปุ่นอีกราย! ชาร์จ 8 นาที วิ่งได้ 200 กม. เปิดตัว 2024 Nammi 01 ใช้แบต Solid State

ดูเหมือนว่าค่ายรถยนต์จากประเทศจีน จะทยอยกันขยับเกมการแข่งขันขึ้นไปอีกขั้น เมื่อเทียบกับคู่แข่งจากประเทศอื่นๆ เมื่อล่าสุด Dongfeng ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของจีนอีกหนึ่งราย ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้แบตเตอรี่ Solid State หลังจากที่เมื่อไม่กี่วันก่อน WeLion ผู้ผลิตแบตเตอรี่อีวีจากจีน ก็เพิ่งประกาศเปิดตัวแบตเตอรี่กึ่ง solid state ที่ใช้กับรถยนต์รุ่น ES6 ของ NIO ไปก่อนแล้ว จนถึงกับทำให้ค่ายยักษ์ใหญ่ระดับโลก อย่าง Volkswagen, Ford, Mercedes-Benz, Geely สนใจที่จะเป็นพันธมิตรด้วย การออกมาเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่พร้อมจำหน่าย ด้วยแบตเตอรี่แบบ solid state เต็มรูปแบบ น่าจะทำให้คู่แข่งในตลาด ต้องคิดหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะค่ายญี่ปุ่น ที่มี Toyota เป็นผู้นำ ซึ่งตามแผนงานแล้ว จะต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่จะสามารถเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรก ที่ใช้แบตเตอรี่ชนิดนี้ได้ นั่นหมายถึงทุกอย่างอาจจะสายเกินไป เพราะหากถึงเวลานั้น เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า บริษัทผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน จะมีความก้าวหน้า ไปถึงระดับไหน

Dongfeng เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่น 01 ภายใต้แบรนด์ใหม่ว่า Nammi โดยบริษัทให้นิยามรถรุ่นนี้ว่า เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ แสดงถึงความมั่นใจในการทำตลาดอย่างเต็มเปี่ยม Nammi 01 ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ยังเป็นรุ่น pre production หรือก่อนการผลิตจริง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ solid state ถือว่าเป็นรุ่นแรกๆในตลาด ที่่ใช้แบตเตอรี่ชนิดนี้ โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 400,000 คันต่อปี ในปี 2025 เจาะกลุ่มตลาดคนที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง โดยบริษัทจะเริ่มทำตลาดในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ 2023 ซึ่งในปีหน้า 2024 บริษัทจะเปิดตัว Nammi รุ่นใหม่ เพิ่มเข้ามาในตลาดอีก 1-2 รุ่น ส่วนในปี 2025 จะเปิดตัวรุ่นใหม่ อีก 2 รุ่นตามมา โดยก่อนหน้านี้ Dongfeng ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กมาก่อน ซึ่งก็คือรุ่น Nano Box ฉะนั้น Dongfeng จึงไม่ใช่หน้าใหม่ในตลาดนี้ คำโฆษณาที่บอกว่า Nammi 01 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ส่วนหนึ่งมาจากการใช้สถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแห่งชาติรุ่นแรก ที่บริษัทเอง ก็ไม่ได้ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สื่อในประเทศจีนบางราย เลยมองว่า มันเป็นเพียงวิธีการประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่งเท่านั้น

ทันทีที่ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของ Nammi 01 คนที่ติดตามข่าวสารในวงการยานยนต์มาก่อน น่าจะรู้สึกคุ้นตา กับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นนี้ เพราะดีไซน์หน้า ดูคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Smart #1 เป็นอย่างมาก แทบจะลอกแบบกันมาก็ว่าได้ ในขณะที่ด้านหลัง มีความแตกต่างกันในส่วนของดีไซน์ไฟท้าย คุณสมบัติอื่นๆที่น่าสนใจของรถรุ่นนี้ ก็อย่างเช่น มือจับประตูเป็นแบบซ่อนตัว หลังคาเป็นแบบลอยตัว ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระยะโอเวอร์แฮงสั้น โดยมิติตัวถัง ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา

ภายในจะพบจอแสดงผลกลางขนาดใหญ่ แต่จอแสดงผลการขับขี่แบบ LCD มีขนาดเล็กมาก พวงมาลัยเป็นแบบ 2 ก้าน โดยมีคันเกียร์ซ่อนอยู่ด้านหลังพวงมาลัย คอนโซลหน้าและแผงข้างประตู ถูกบุด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ คอนโซลกลาง มาพร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย แต่ด้วยการที่ยังเป็นรุ่น pre production อยู่ อะไรๆ ก็อาจจะถูกปรับเปลี่ยนไปได้

Nammi 01 นอกจากจะใช้แพลตฟอร์มใหม่แล้ว ยังมาพร้อมระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 หรือ L2 ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ส่วนระบบขับเคลื่อน เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวให้กำลัง 163 แรงม้า แบตเตอรี่เป็นแบบ sodium solid state ซึ่งจุดนี้ ถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญ ที่ทำให้ Nammi 01 ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเวลาในการชาร์จอยู่ที่เพียง 8 นาที วิ่งได้ไกลสูงสุด 200 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังรองรับการทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ที่สามารถชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอก คล้ายกับฟังค์ชั่น V2L หรือ vehicle to Load ได้อีกด้วย แต่เรื่องนี้ Dongfeng ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับแบตเตอรี่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เคยทดสอบการใช้แบตเตอรี่ solid state กับรถซีดานรุ่น E70 ของ Dongfeng มาก่อนแล้ว ซึ่งในตอนนั้น บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ ก็คือ Ganfeng Lithium แต่สำหรับแบตเตอรี่ของ Nammi 01 ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะเป็นแบตเตอรี่ ที่ผลิตโดยบริษัทเดิมหรือไม่

การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้แบตเตอรี่ solid state ที่แม้ว่าจะเป็นเพียงรุ่น pre production อยู่ แต่บริษัท ก็เตรียมจำหน่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ถือว่าเป็นการแสดงให้เห็นความก้าวหน้า ทางด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ของค่ายรถยนต์จากจีน ว่าไปได้ไกลกว่าที่หลายคนคิด เพราะก่อนหน้านี้ เราแทบไม่ได้ข่าวของการออกมาประกาศแผนการเปิดตัวรถยนต์ ที่จะใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ชนิดนี้ กว่าจะรู้อีกที ก็คือการเปิดตัวรถ ที่พร้อมจำหน่ายแล้วทั้งสิ้น ในขณะที่ค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นเอง มักจะมีแต่แผนงานการในการพัฒนา บางรายก็ยังไม่สามารถให้คำตอบ ในเรื่องช่วงเวลาของการเปิดตัวด้วยซ้ำ นั่นจึงสะท้อนถึงปัญหาใหญ่ของค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่น และอีกหลายๆค่ายของยุโรป ที่อาจจะต้องเจอกับอุปสรรค ในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต หากยังไม่สามารถทำการพัฒนาเทคโนโลยีชนิดนี้ ได้ไวเหมือนกับคู่แข่งจากจีน ในปีหน้า 2024 เราน่าจะได้เห็นภาพการแข่งขันในตลาดนี้ ที่ชัดเจนมากขึ้น พร้อมกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ที่อาจจะสร้างเซแร์ไพรซ์ให้เราได้อีก