วันก่อน เราได้พูดถึงการออกมาเปิดเผยความคืบหน้า ในการพัฒนาแบตเตอรี่ Solid State ของ Nissan ที่บริษัทเชื่อว่า จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในวงการรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งคาดว่า อาจจะได้เห็นแบตเตอรี่ชนิดนี้ในตลาด ในปี 2027 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า แต่ล่าสุด พี่ใหญ่ของวงการรถยนต์ญี่ปุ่น อย่าง Toyota ได้ออกมาอัพเดท เกี่ยวกับโครงการพัฒนาแบตเตอรี่ของบริษัทเช่นกัน แถมยังเกทับคู่แข่งทุกรายในตลาด ด้วยตัวเลขระยะทางวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ มากที่สุดเป็นอันดับต้นๆของวงการ ด้วยการใช้แบตเตอรี่ solid state ที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่
ในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนสัปดาห์นี้ ทีมวิศวกรของ Toyota ได้เปิดเผยแผนงานและไทม์ไลน์ เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ Solid State ของบริษัท รวมถึงแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ ที่มีราคาเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งจะนำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นราคาประหยัด ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate หรือ LFP และแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนประสิทธิภาพสูง ที่รองรับระยะทางทำการสูงสุดต่อชาร์จ ได้ถึง 1,000 กิโลเมตร โดยแบตเตอรี่ solid state ถือว่าเป็นอาวุธเด็ดของบริษัท สำหรับการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะมีการเปิดตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยระยะทางสูงสุด อาจทำได้ถึง 1,400-1,500 กิโลเมตร/ชาร์จ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไป ส่วนหนึ่ง เกิดจากการออกแบบรถให้ลู่ลม ตามหลักอากาศพลศาสตร์ จึงทำให้รถสามารถแล่นไปได้ไกลมากกว่าปกติ ทื่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ Toyota คาดว่า แบตเตอรี่แบบ solid state นี้ จะใช้เวลาในการชาร์จไฟได้เต็มความจุ ภายในเวลาต่ำกว่า 10 นาทีเท่านั้น
นอกจากนั้นแล้ว Toyota ยังได้นำเอาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยในการออกแบบตัวรถ รวมถึงเรื่องอากาศพลศาสตร์ โดยยังมีความร่วมมือกับแผนกระบบอวกาศ ของ Mitsubishi Heavy Industries ในการพัฒนาทางด้านอากาศพลศาสตร์ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกัน กระบวนการผลิต ก็จะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น ด้วยการใช้ชิ้นส่วนตัวถัง ที่มีโครงสร้างที่บางกว่าเดิม และถูกหล่อ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Giga Casting ซึ่งใช้ในการผลิตรถยนต์ของ Tesla มาแล้ว Toyota ยังออกแบบสายการประกอบรถยนต์ใหม่ ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้สายพาน ในการลำเลียงชิ้นส่วนรถยนต์ เรียกว่า รถยนต์ไฟฟ้าเจนเนอเรชั่นใหม่ของ Toyota จะมาพร้อมนวัตกรรมต่างๆ ตั้่งแต่การผลิต ไปจนถึงการใช้งานโดยลูกค้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสิ่งใดรับประกันได้ว่า เมื่อถึงตอนที่เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ Toyota จะทำได้ตามที่หวังไว้ หรือไม่ และคู่แข่งในตอนนั้น จะสามารถขยับตัวหนีออกไปได้ มากน้อยแค่ไหน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์