ตลาดรถกระบะปิกอัพ เริ่มขยายไปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าหรือไฮบริดมากขึ้น จากกระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลก ในเมืองไทย Toyota มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้เล่นรายแรก หลังจากที่ได้ประกาศเตรียมเปิดตัว Hilux Revo BEV ภายในปี 2023 นี้ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่นในตลาด ได้แต่แสดงถึงความพร้อมในการกระโจนเข้าสู่ตลาดนี้เท่านั้น รวมถึง Isuzu ที่แสดงความพร้อมทั้งตลาดไฮบริดและไฟฟ้า แต่ตลาดต้องมีขนาดใหญ่พอ หรือมีความต้องการเกิดขึ้นจริงๆ
ล่าสุด สื่อยานยนต์ชื่อดังของออสเตรเลียอย่าง Drive ได้ออกมาวิเคราะห์ว่า Isuzu D-MAX โฉมใหม่ อาจจะมีทางเลือกที่เป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า หลังจากที่บริษัทลูกในออสเตรเลีย Isuzu Truck ได้เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าแบตเตอรี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกเหนือไปจากขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ที่ใช้ในไลน์อัพรถยนต์รุ่นต่างๆของ Isuzu รวมถึง D-MAX โดยรถบรรทุกไฟฟ้ารุ่นที่ว่าก็คือ N-Series EV ซึ่งเป็นรถบรรทุกแบบ Light-Duty
ขุมพลังทางเลือกที่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าของ N-Series EV ใหม่ ให้กำลังสูงสุด 148-201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ไฟฟ้าชุดดังกล่าว ถูกติดตั้งไว้บริเวณส่วนที่เยื้องมาทางด้านหลังของห้องโดยสาร โดยจะส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลังผ่านไดรฟ์ชาร์ฟและชุดเฟืองท้าย
แม้ว่า Isuzu N-Series และ D-MAX จะมีความแตกต่างกันในแทบจะทุกจุด แต่อย่างหนึ่งที่ใช้ร่วมกันก็คือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร โดยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ รหัส 4JJ1 ที่ใช้ใน N-Series มีใช้ใน D-MAX ตั้งแต่ช่วงปี 2006-2020 ก่อนที่เครื่องยนต์รหัส 4JJ3 จะถูกนำมาใช้กับ D-MAX และ MU-X เจนเนอเรชั่นล่าสุดแทน ซึ่งการที่ทั้ง N-Series และ D-MAX ใช้ขุมพลังขับเคลื่อนร่วมกันมาก่อน โอกาสที่จะได้เห็นขุมพลังไฟฟ้าที่ใช้กับ N-Series ถูกนำมาติดตั้งใน D-MAX จึงมีความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารจาก Isuzu ได้เปิดเผยกับสื่อยานยนต์จากออสเตรเลียรายดังกล่าวว่า ณ ขณะนี้ Isuzu D-MAX เวอร์ชั่นไฟฟ้า ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ยอมรับว่า ในทางเทคนิค บริษัทสามารถนำเอาเทคโนโลยีต่างๆของรถบรรทุกมาใช้กับรถกระบะปิกอัพได้
ยังมีอุปสรรคหลายอย่างที่ต้องหาทางออกให้ได้ ก่อนที่จะพัฒนา D-MAX ไฟฟ้าออกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ ขนาด 20 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ใช้ใน N-Series มีรูปทรงเหมือนถังน้ำมัน ไม่ได้แบนกว้างเหมือนที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป ทำให้อาจจะต้องมีการออกแบบใหม่หากนำมาใช้กับ D-MAX นอกจากนั้นแล้วยังมีเรื่องของพละกำลัง ที่ขุมพลังไฟฟ้าของ N-Series ไม่ได้ให้แรงบิดมากเหมือนกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ความจุ 3.0 ลิตร ที่ให้่กำลังสูงสุด 188 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ในเรื่องของราคาจำหน่าย ก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งในการทำตลาด ที่สะท้อนออกมาให้เห็นจากคู่แข่งอย่าง LDV eT60 เวอร์ชั่นไฟฟ้า ที่มีราคาแพงเป็น 2 เท่าของ LDV T60 เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งราคาที่สูงขึ้นมากเกิดจากต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ของแบตเตอรี่ ซึ่งก็คือแร่ลิเธี่ยมที่มีราคาสูงขึ้นจากความต้องการในตลาดที่มากขึ้น
และนั่นอาจจะเป็นการสะท้อนให้เห็นท่าทีของ Isuzu ที่เคยออกมาให้สัมภาษณ์มาก่อนแล้วว่า ในด้านเทคนิค บริษัทมีความพร้อมที่จะลงแข่งขันในตลาดนี้ แต่ตลาดต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะทำให้คุ้มค่ากับการลงมาแข่งขันได้ ซึ่งแน่นอนว่า หากจำนวนความต้องการของตลาดมีสูง ต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยก็จะลดลง ถึงเวลานั้น ISUZU ถึงจะเริ่มเข้ามาแข่งขันในตลาดอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในเมืองไทย หาก Toyota Hilux Revo BEV ได้รับการตอบรับอย่างมีนัยยะสำคัญ เชื่อว่า Isuzu ก็คงไม่อยู่นิ่งเฉย