แม้ว่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า การเปิดตัว All-New Toyota Hilux เจนเนอเรชั่นใหม่ จะเกิดขึ้นในปี 2025 หรืออย่างเร็วที่สุด คนไทยอาจจะได้เห็นความเคลื่อนไหว ในปลายปี 2024 หรืออีกเกือบ 2 ปีนับจากนี้ หลังจากที่ Drive สื่อยานยนต์ชื่อดังจากออสเตรเลีย ได้ออกมารายงานเกี่ยวกับแผนการตลาดล่าสุดนี้ โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวภายใน ที่เชื่อถือได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีเวลาเหลือ ในการทำตลาดเจนเนอเรชั่นปัจจุบัน ยาวนานถึง 2 ปี แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ Toyota กังวลในเรื่องยอดขายของ Hilux Revo มากนัก แม้ว่าจะเป็นรอง D-MAX ทางด้านยอดขายในเมืองไทยอยู่ แต่ก็ไม่ถือว่าถูกทิ้งห่างกันมาก อย่างในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Toyota จำหน่าย Hilux Revo ไปได้ 10,349 คัน ในขณะที่ Isuzu ยังสามารถทำยอดขายนำมาเป็นอันดับ 1 ที่ 11,820 คัน ตามมาด้วย Ford Ranger ที่ 2,400 กว่าคัน และ Mitsubishi Triton ที่ 1,200 กว่าคัน เรียกว่า Toyota ยังลากขาย Hilux Revo ได้อีกสักพัก อีกทั้งคู่แข่งเจ้าเก่า แต่รุ่นใหม่ อย่าง All-New Mitsubishi Triton เจนเนอเรชั่นต่อไป ก็มีข่าวเลื่อนการเปิดตัว ไปเป็นกลางปีนี้แทน ก็ยิ่งทำให้พี่ใหญ่ของตลาดอย่าง Toyota เบาใจขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บริษัท หยุดนิ่งอยู่กับที่ เพราะอย่างน้อยในตอนนี้ Toyota ก็ได้ประกาศแผนการเปิดตัวเวอร์ชั่นไฟฟ้าแบตเตอรี่ไปแล้ว ซึ่งอาจจะเรียกว่า เป็นการลองตลาดไปก่อนล่วงหน้าก็ว่าได้ เพราะแม้แต่ตัวของ Toyota เอง ก็ยังไม่คิดว่า รถกระบะไฟฟ้า จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ในตอนนี้ ส่วนเวอร์ชั่น GR Sport ใหม่ รุ่นปี 2023 ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศออสเตรเลียไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ยังไม่มีแผนในการเปิดตัวในเมืองไทย จะมีให้ลุ้นก็คือเรื่องของดีไซน์ภายนอก ที่อาจจะดูคล้ายกัน แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับ Hilux Revo รุ่นพิเศษ ที่จะออกมากระตุ้นตลาดในปีนี้ เริ่มมีความชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง จากการรายงานของ Drive สื่อยานยนต์เจ้าเก่า
ล่าสุด Toyota อาจจะเดินตามแผนงานเก่า ที่เคยมีข่าวมาก่อนหน้านี้พักใหญ่ นั่นก็คือการเปิดตัว Hilux Revo รุ่น Mild Hybrid ในเจนเนอเรชั่นปัจจุบัน แต่สื่ออย่าง Drive ได้เผยความกังวลของแหล่งข่าวภายในว่า Hilux Revo Mild Hybrid เครื่องยนต์ดีเซล อาจจะไม่ตอบโจทย์ตลาดเท่าที่ควร เพราะอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ได้ ถือว่าไม่น่าประทับใจ หากเทียบกับรุ่นไฮบริดเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นของ Toyota ซึ่งถึงกับสร้างความกังวลให้กับเจ้าหน้าที่ของบริษํทเอง เพราะอาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ และที่ผ่านมา Toyota ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการทำตลาดรุ่นไฮบริด เฉพาะในประเทศออสเตรเลียเอง บริษัทได้จำหน่ายรถยนต์รุ่นเบนซินไฮบริดไปแล้ว มากกว่า 315,000 คัน ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นรุ่นที่ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึงครึ่งหนึ่ง ยากที่คู่แข่งจะตามทัน
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า Toyota จะใช้ชื่อ Mild Hybrid Diesel ในการทำตลาดหรือไม่ และระบบดังกล่าวจะทำหน้าที่ในช่วงใดของการขับเคลื่อน เช่น การทำงานตั้งแต่เริ่มต้นสตาร์ตเครื่องยนต์ เหมือนรุ่นเบนซินไฮบริด หรือเป็นเพียงระบบเสริมแรง ในระหว่างที่รถมีการเคลื่อนที่อยู่
ก่อนหน้านี้ Sean Hanley รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Toyota ออสเตรเลีย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า บริษํทกำลังพิจารณาทางเลือกในด้านขุมพลังไฟฟ้ารูปแบบต่างๆ ให้กับ Hilux โฉมใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ระบบไฮบริด เป็นทางออกที่ง่ายสำหรับ Toyota เพราะบริษัทมีประสบการณ์ในเทคโนโลยีชนิดนี้มาอย่างยาวนาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า บริษัทจะมองข้ามขุมพลังไฟฟ้าชนิดอื่น
อย่างไรก็ตาม Toyota มีประสบการณ์ในการใช้ระบบดีเซลไฮบริดกับรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ มาตั้งแต่ปี 2005 แต่ Hilux จะเป็นรุ่นแรก ที่มีการนำเอาระบบมายด์ไฮบริดดีเซลมาใช้ โดย Drive เชื่อว่า เทคโนโลยีไฮบริดที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.8 ลิตรนี้ อาจจะมีใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆของ Toyota ด้วย ไม่ว่าจะเป็น HiAce, Fortuner 4WD และ Prado 4WD แต่แผนงานดังกล่าว ยังไม่มีการยืนยันในตอนนี้
และแม้ว่า Toyota จะประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถกระบะไฮบริด หรือไม่ แต่คู่แข่งอย่าง Ford Ranger และ Mitsubishi Triton คือตัวเลือกที่น่าจับตามองมากที่สุดในตลาดรถกระบะไฮบริด เพราะมีเทคโนโลยี Plug-In Hybrid ที่พร้อมในการทำตลาดอยู่แล้ว และดูจะมีแต้มต่อเหนือกว่า Toyota อีกด้วย งานนี้ Toyota Hilux Mild Hybrid หรือแม้แต่ Hilux BEV อาจจะกลายเป็นเพียงรถที่ใช้ทดสอบตลาด มากกว่าที่จะเป็นรุ่นที่จะมีการจำหน่ายอย่างจริงๆจังๆ และใครที่รอจะซื้อรถทั้ง 2 รุ่นมาใช้ ก็อาจจะเป็นการดีกว่า ที่ไม่ตั้งความหวังในเรื่องการประหยัดน้ำมัน ให้มากจนเกินไป
[yourchannel video=”UVQH6OPxj0Q” autoplay=”1″ show_comments=”1″]