ตัวเลขชัด! 2023 Isuzu D-MAX ใหม่ ส่อคว้าแชมป์ถึงปีหน้า ก่อนเปิดตัว 2024 Toyota Hilux ใหม่

การเปิดตัว D-MAX Magic Eyes พร้อม MU-X รุ่นปรับปรุงใหม่ เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงปลายปีของ Isuzu โดยปกติแล้ว จะเป็นการแก้เกมหลังจากที่ Toyota เปิดตัวทั้ง Hilux Revo และ Fortuner ใหม่ ในช่วงก่อนหน้านั้น แต่สำหรับปีนี้แล้ว แทบจะบอกได้ว่า Isuzu อาจจะไม่ต้องพึ่งพาความสดใหม่ของ D-MAX เพราะยอดขายล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมา แตะระดับสูงสุดของปี โดยมียอดขายมากกว่า 18,000 คัน สวนทางกับ Toyota Hilux Revo ที่กลับทำยอดขายได้ต่ำสุดของปี เพียง 1 หมื่นกว่าคัน ทั้งๆที่เพิ่งเปิดตัวรุุ่น Revo-D และรุ่นปรับปรุงใหม่ไปหมาดๆ ทำให้ในเดือนเดียว D-MAX มียอดขายมากกว่า HILUX REVO ถึง 8,000 กว่าคัน ส่งผลให้ยอดขายสะสมในปีนี้ D-MAX นำห่าง Revo ไปถึงเกือบ 3 หมื่นคัน แทบจะเรียกได้ว่า ปิดฉากการแข่งขันระหว่างรถกระบะทั้งสองรุ่นในปีนี้ไปเลย เพราะ Toyota มีเวลาเหลืออีกเพียงแค่ 3 เดือน ในขณะที่ Isuzu ก็เพิ่งเปิดตัว D-MAX รุ่นใหม่ ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ยิ่งทำให้มีความเป็นไปได้สูง ที่ยอดขายจะนำห่างไปอีก

ความสำเร็จในการทำยอดขาย ให้เหนือกว่าคู่แข่งสำคัญที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง Toyota เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่าย แต่ต้องอาศัยที่วิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และนำไปปฏิบัติได้จริง เริ่มตั้งแต่นโยบายการทำตลาด ที่เลือกเฉพาะการจำหน่ายรถในตลาดใหญ่ ซึ่งก็คือรถกระบะปิกอัพขนาดกลาง เพื่อให้บริษัททีมีขนาดเล็กกว่า สามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ได้ ในตลาดเฉพาะกลุ่ม เพียงแต่ตลาดเฉพาะกลุ่มที่ว่า มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จึงทำให้ ISUZU สามารถทุ่มทรัพยากรที่มีทั้งหมด ไปกับตลาดนี้ ทั้งในด้านการวิจัย พัฒนา ผลิต ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ในขณะที่ Toyota จะต้องจัดการกับรถยนต์มากกว่า 10 รุ่น ในแต่ละตลาด ซึ่งมีทั้งรุ่นที่ขายได้มาก และขายได้น้อย ช่างเทคนิคประจำศูนย์ จำเป็นจะต้องเชี่ยวชาญในรถทุกรุ่น ที่มีการจำหน่ายออกไป จำนวนอะไหล่ที่สต็อกไว้ ก็จำเป็นจะต้องมีการสำรองไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับการให้บริการซ่อมแซมรถยนต์ เพียงไม่กี่รุ่น นั่นทำให้ ISUZU สามารถทำราคาได้ดีกว่าคู่แข่ง หรืออีกมุมหนึ่งก็คือ บริษัทสามารถนำเสนออ็อปชั่นได้มากกว่าคู่แข่ง ในราคาเท่าๆกัน และที่ผ่านมา Isuzu ได้พิสูจน์แล้วว่า แม้ยอดขายจะน้อยกว่า Toyota เท่าตัว แต่กลับทำกำไรได้มากกว่า

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันใน 2-3 ปีมานี้ เป็นตัวชี้วัด ในด้านความสามารถในการบริหารจัดการ ของค่ายรถยนต์ต่างๆ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์บางอย่าง ที่เรียกกันทั่วไปว่า ชิปขาดแคลน ทำให้ต้องมีการหยุดสายการผลิตชั่วคราวไปหลายต่อหลายครั้ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ ของแต่ละค่ายรถยนต์ ซึ่งในกรณีของ Isuzu แตกต่างออกไป และอาจจะเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้สามารถรักษายอดขายได้สม่ำเสมอไปตลอดทั้งปี ราวกับว่า ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แม้ว่าบริษัท จะเคยออกมาประกาศว่า ประสบปัญหาชิปขาดแคลนเช่นกัน เพราะ Isuzu ได้เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ขาดแคลนดังกล่าว เพื่อเจาะตลาดกลุ่มใหม่ ในขณะที่รุ่นสำคัญ ก็ยังสามารถเดินหน้าผลิตต่อไปได้ จากชิ้นส่วนขาดแคลน ที่ยังเหลืออยู่ในสต็อก นั่นจึงทำให้ ISUZU สามารถรักษาระดับยอดขายในแต่ละเดือนต่อไปได้ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Isuzu ไม่ได้รับผลกระทบกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ก็คือ การปิดข่าวการเปิดตัว เพื่อป้องกันการชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในช่วงนั้น ซึ่งที่ผ่านมา กว่าที่เราจะได้รับทราบ ว่าจะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ก็คือช่วงเวลาก่อนการเปิดตัวเพียงไม่กี่วัน หรืออย่างมากก็ 1-2 สัปดาห์ ในกรณีที่มีจะการจัดงานเปิดตัว ซึ่งเกิดจากการแจ้งให้สื่อมวลชนทราบล่วงหน้านั่นเอง

ในปี 2023 ซึ่งเป็นปีที่คาดว่า Toyota จะเปิดตัว All-New Hilux เจนเนอเรชั่นใหม่ ในช่วงปลายปี คาดว่า Isuzu D-MAX ก็น่าจะสามารถรักษายอดขายได้เป็นอันดับ 1 อีกครั้ง เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน เพราะตลาดส่วนใหญ่ จะรับรู้แล้วว่า Toyota จะมีการเปลี่ยนโฉม Hilux ที่จะมาพร้อมกับซับแบรนด์ใหม่ ที่ไม่ใช่ Revo นั่นทำให้การกระตุ้นยอดขาย Hilux ในช่วงปลายโมเดล เป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก ที่สำคัญ การเสียค่าปรับ และภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่ม อีก 1 หมื่นกว่าล้านบาท หลังจากแพ้คดีให้กับภาครัฐของไทย เมื่อไม่นานมานี้ จะทำให้ต้นทุนราคาของ Toyota สูงขึ้นไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งยังจะมีการเปิดตัวคู่แข่งอย่าง All-New Mitsubishi Triton ในต้นปีหน้า ก็ยิ่งทำให้การแข่งขันในตลาด ยากขึ้นไปอีก แม้ว่าจะมีการปรับโฉมใหม่ทั้งคันก็ตาม ซึ่งต้องมาลุ้นกันต่ออีกว่า ดีไซน์ที่ออกมา จะถูกใจตลาดหรือไม่ แต่สิ่งที่จะเป็นจุดขายสำคัญของ All-New Hilux ก็คือ ความสดใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และทางเลือกใหม่ที่เป็นระบบไฮบริด แต่จะทำได้ดีจนกลับมาเป็นอันดับ 1 ในเซกเมนต์นี้ ได้อีกหรือไม่ ต้องมาลุ้นกันต่อไป

[yourchannel video=”KQZj27Ta7KM” autoplay=”1″ show_comments=”1″]