จากกรณีที่มีลูกค้าของ Ford ประเทศไทย น.ส.รุ่งหทัย อายุ 42 ปี นักธุรกิจ ได้ทำการทุบรถ Everest คันใหม่ ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากปัญหาทางด้านเทคนิคต่างๆ ที่อ้างว่า ทางศูนย์บริการของ FORD ในจังหวัดนครราชสีมา ไม่สามารถทำการซ่อมแซมได้ แต่ได้ทำการเจรจาหลายครั้ง รวมถึงการร้องเรียนไปยังคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ของ สคบ. แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จนในที่สุด Ford ประเทศไทย ก็ได้ออกหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ว่าบริษัทได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าลูกค้ามีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งการทำงานของเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์บางรุ่นอาจส่งคลื่นความถี่ ที่มีผลต่อระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) บริษัทจึงแนะนำให้ลูกค้าถอดอุปกรณ์เสริมดังกล่าวออก ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจ และได้นำเรื่องเข้าร้องเรียนกับคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งบริษัทได้เข้าร่วมการไกล่เกลี่ยตามนัดหมาย แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้
ล่าสุด หนังสือพิมพ์มติชน ได้รายงานว่า เพจ ทีม ข่าว-ภาพ อำเภอสีคิ้ว ซึ่งเป็นผู้เปิดเผยเรื่องดังกล่าว ได้แจ้งความคืบหน้าว่า ล่าสุด ทางเจ้าของรถแจงว่า ทางบริษัทรถยี่ห้อหนึ่ง ติดต่อที่จะขอซื้อรถคืน ซึ่งทางเจ้าของรถ กำลังคิดไตร่ตรองว่า จะขายคืนให้ศูนย์ฯ หรือจะนำไปขายต่อให้คนอื่น แต่ยืนยันยังรักรถยี่ห้อนี้อยู่
สอดคล้องกับ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ที่ระบุว่า ได้โทรศัพท์ติดต่อ น.ส.รุ่งหทัยแล้ว ทราบว่าช่วงเย็นวานนี้ (22 ก.ย.) น.ส.รุ่งหทัยได้รับโทรศัพท์จากศูนย์รถว่าต้องการจะรับผิดชอบกับเรื่องดังกล่าว โดยยินดีขอรับซื้อรถคันที่เกิดปัญหาคืน ซึ่งยังไม่ได้ตอบรับ หรือปฏิเสธแต่อย่างใด ได้แต่บอกไปว่าก่อนหน้านี้พยายามเจรจาหลายครั้งแล้ว แต่ทางศูนย์ก็ปฏิเสธมาตลอด
น.ส.รุ่งหทัยระบุว่า ขอนัดเจรจาพูดคุยเรื่องนี้กับศูนย์อีกครั้ง ขณะนี้นำรถที่ทุบไปเข้าซ่อมที่อู่รถแห่งหนึ่ง จากนั้นจะนำรถไปขายเพื่อนำเงินไปซื้อรถคันใหม่ แต่ก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะขายให้กับศูนย์คืน หรือจะขายให้กับคนอื่น
งานนี้ดูเหมือนว่าจะจบลงได้ด้วยดี และ Ford ได้มีการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว หลังจากที่เริ่มมีข่าวการทุบรถ แพร่สะพัดออกไปทางสื่อต่างๆทั่วประเทศ จนส่งผลกระทบในเรื่องภาพลักษณ์ของบริษัท
[yourchannel video=”LQ-ty88RpMw” autoplay=”1″ show_comments=”1″]