สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Ford Motor ประกาศเตรียมปลดพนักงานประจำ และลูกจ้างชั่วคราว รวมกว่า 3,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานในอเมริกาเหนือและอินเดีย ทั้งนี้ก็เพื่อปรับตัวไปสู่การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มี Tesla เป็นคู่แข่งสำคัญ Jim Farley CEO Ford Motor ได้เคยออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้หลายเดือนแล้วว่า เขามองว่า Ford มีพนักงานจำนวนมากจนเกินไป และไม่มีทักษะพอที่จะรับมือกับยุคดิจิตอลและรถยนต์ไฟฟ้าได้ ในตอนนี้บริษัทจำเป็นจะต้องลดคนงาน รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ให้การทำงานมีประสิทธิภาพกับธุรกิจในยุคปัจจุบัน ซึ่งรายละเอียดต่างๆในแต่ส่วน จะมีความชัดเจนจากหัวหน้าแผนกต่างๆภายในสัปดาห์นี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ ทำให้ราคาหุ้นของ Ford ในตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกา ลดลงสูงสุดถึง 4.8% ในวันดังกล่าว
เหมือนๆกับค่ายรถยนต์รายอื่นๆ พนักงานส่วนใหญ่ของ Ford จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งวิสัยทัศน์ของ Ford ในตอนนี้ ก็คือการมุ่งไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง Ford ต้องการสร้างรายได้มากขึ้น ผ่านทางบริการในด้านซอฟแวร์ และการเชื่อมต่อสื่อสาร เช่นเดียวกับ Tesla ที่ในปีนี้ มีกำไรก่อนหักภาษี สูงกว่าตัวเลขของ Ford ไปแล้ว จึงเป็นเหตุผลที่ผู้บริหารของ Ford อย่าง Farley ต้องรีบหาทางออกด้วยการลดต้นทุน ซึ่งนำมาสู่การลดจำนวนพนักงานบริษัท โดยข้อความส่วนหนึ่งใน email ที่ส่งถึงพนักงานระบุว่า โครงสร้างต้นทุน ทำให้บริษัทไม่สามารถแข่งขันได้กับคู่แข่งทั้งเก่าและใหม่
ต้นทุนที่สูงขึ้นของแบตเตอรี่ วัตถุดิบต่างๆ และค่าขนส่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงกดดันให้กับ Ford และค่ายรถยนต์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม Ford ยังใช้ตัวเลขเป้าหมายกำไรเดิมสำหรับปีนี้ ทั้งๆที่มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากภาวะเงินเฟ้อ ในปัจจุบัน Ford ได้แยกส่วนของการปฏิบัติการออกเป็น 3 ส่วน ส่วนงานรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถยนต์เชิงพาณิชย์ ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Farley ได้เคยเอ่ยปากว่า การลดต้นทุนในส่วนของรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน จะต้องเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา ผลกระทบได้เกิดขึ้นกับทุกส่วนงาน
จากความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Ford สำนักงานใหญ่ แสดงถึงทิศทางว่า ผลิตภัณฑ์ในอนาคตของ Ford จะมียานยนต์ไฟฟ้าเป็นศูนย์กลาง และบทบาทเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน จะค่อยๆจากหายไป ซึ่งหมายถึงพนักงานที่ทำหน้าที่ในส่วนนี้ด้วย โดยจะมีการแทนที่ด้วยพนักงานที่มีทักษะใหม่ ที่รองรับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และเหตุการณ์ในลักษณะนี้ จะต้องเกิดขึ้นทั่วโลกไม่ช้าก็เร็ว รวมถึงโรงงานของ Ford ในเมืองไทยด้วย
[yourchannel video=”xtVaoZw6RwQ” autoplay=”1″ show_comments=”1″]