ใกล้ช่วงเวลาของการเปิดตัวมากขึ้น ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ All-New Mitsubishi Triton เจนเนอเรชั่นใหม่ ก็มีการเปิดเผยออกมามากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งแหล่งข่าวส่วนใหญ่ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้บริหาร Mitsubishi ในต่างประเทศนั่นเอง โดยเฉพาะออสเตรเลีย ตลาดรถยนต์ ที่รถกระบะปิกอัพ ได้รับความนิยมสูงสุด เช่นเดียวกับในประเทศไทย โดยในคลิปวิดีโอก่อนหน้านี้ เราได้นำเสนอข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ Triton โฉมใหม่ ว่าจะมาพร้อมขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น ห้องโดยสารที่ดูทันมัย ช่วงล่างที่ดีขึ้น และขุมพลังดีเซลเจนเนอเรชั่นใหม่ ที่จะถูกเพิ่มเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า รวมถึงขุมพลัง Plug-In Hybrid และแม้แต่ขุมพลังไฟฟ้าแบตเตอรี่ ที่คาดว่าจะถูกเพิ่มเข้ามาในอนาคต
ในเรื่องของขุมพลังไฮบริด PHEV มีรายงานมาก่อนว่า Mitsubishi จะนำเอาขุมพลังของ Outlander PHEV ใหม่ มาใช้กับรถกระบะ Triton โดยจะมีการปรับแต่งให้มีสมรรถนะมากขึ้น และอาจจะเป็นรถกระบะขนาดกลางรุ่นแรกของวงการ ที่มีขุมพลังไฮบริดให้เลือก ซึ่งปัจจุบัน Outlander PHEV ใช้ขุมพลังไฮบริดเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงสุดรวม 248 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ซึ่งมีสมรรถนะสูงกว่าขุมพลังดีเซลเทอร์โบ ความจุ 2.4 ลิตร ของ Triton โฉมปัจจุบัน ซึ่งให้กำลังสูงสุดที่ 178 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร แต่ปัญหาคือ Outlander PHEV รุ่นนี้ สามารถลากจูงโหลดที่มีน้ำหนักสูงสุดได้เพียง 1,600 กิโลกรัมเท่านั้น All-New Triton ใหม่ จึงต้องมีพละกำลังมากกว่านี้ เพื่อให้สามารถลากจูงโหลดที่มีน้ำหนักอย่างน้อย 3,100 กิโลกรัม ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่คาดว่าเอาเข้าจริง จะสามารถขยับตัวเลขไปที่ระดับ 3,500 กิโลกรัมได้ ส่วนในรุ่นไฮบริดและไฟฟ้าแบตเตอรี่ ก็ควรจะต้องทำได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันในเรื่องตัวเลขด้านสมรรถนะ แต่จากการคาดการณ์ของสื่อต่างประเทศ กำลังสูงสุดที่ 268 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร จึงจะเพียงพอสำหรับน้ำหนักของมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ที่เพิ่มเข้ามาถึง 300 กิโลกรัม เพื่อให้สามารถบรรทุกและลากจูงโหลดได้ในระดับที่ลูกค้าคาดหวังเอาไว้
นอกจากนั้น คาดว่า Triton PHEV เจนเนอเรชั่นใหม่ จะมาพร้อมฟังค์ชั่นที่เรียกว่า vehicle-to-load (V2L) ที่ช่วยให้สามารถใช้งานรถรุ่นนี้ ได้ในแบบรถบรรทุกใช้งานเชิงพาณิชย์ และรถยนต์ที่ใช้งานเพื่อสันทนาการ คือการเปลี่ยนการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่่ขับเคลื่อนรถยนต์ มาใช้เป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับกิจกรรมอื่นๆได้ โดยระบบ V2L จะมาพร้อมช่องจ่ายไฟขนาดแรงดัน 240 โวลต์แบบ 3 พิน ที่สามารถชาร์จไฟให้กับเครื่องมือช่างที่ใช้ไฟฟ้าต่างๆ หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Nissan Leaf ด้วยจุดเด่นและความแตกต่างนี้ ทำให้ Mitsubishi มองว่า Triton PHEV ใหม่ จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่ารุ่นขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% โดยเฉพาะในตลาดออสเตรเลีย ซึ่งไม่ได้มีสถานีชาร์จไฟฟ้ากระจายทั่วประเทศเหมือนกับบางประเทศ แม้ว่า Triton โฉมใหม่ ได้ถูกออกแบบ พัฒนา และทดสอบในประเทศออสเตรเลียเป็นหลัก มาตั้งแต่ปี 2015
แม้ว่าผู้บริหารของ Mitsubishi จะยอมรับว่า ทีมงานมอง Ford Ranger เจนเนอเรชั่นใหม่ เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการพัฒนา แต่บริษัทยังไม่มีแผนเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ V6 เพื่อแข่งขันในตลาดที่เน้นสมรรถนะของรถเป็นสำคัญ ในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลง คาดว่า Triton โฉมใหม่ จะสามารถทำได้ดีกว่าเดิม ด้วยระบบส่งกำลังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
ในด้านระบบความปลอดภัย Owen Thomson หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของ Mitsubishi ออสเตรเลีย เผยว่า Triton เจนเนอเรชั่นใหม่ จะมาพร้อมระบบความปลอดภัย ADAS ระดับสูง ซึ่งรวมถึงระบบ Adaptive Cruise Control และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ที่ทำให้รถสามารถเร่ง เบรค และควบคุมพวงมาลัยได้เอง นอกจากนั้น เชื่อว่ารถกระบะรุ่นนี้ จะสามารถคว้าเรตติ้งระดับสูงสุด 5 ดาวจาก ANCAP ของออสเตรเลียได้ไม่ยาก
Shaun Westcott CEO Mitsubishi ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า การเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกของ All-New Triton จะมีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ซึ่งถ้าเราใช้ปีงบประมาณ 2022 เป็นกรอบเวลา ตามที่ Mitsubishi ได้นำเสนอไว้ในแผนทางธุรกิจระยะกลาง มีความเป็นไปได้ว่า Mitsubishi จะเปิดตัวรถกระบะโฉมใหม่รุ่นนี้ ก่อนสิ้นเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ 2022 โดยอาจจะเกิดขึ้นก่อนงานมอเตอร์โชว์ในเมืองไทย หรือเผยโฉมครั้งแรกในงานดังกล่าวก็เป็นไปได้ แต่หากมีการปรับเปลี่ยนแผน จากปัญหาเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน ก็อาจจะมีการเปิดตัวหลังจากนั้น แต่ยังอยู่ในช่วงครึ่งปีแรก โดย Triton ใหม่ จะมาในตัวถังทั้งแบบ single cab, space cab และ dual cab มีทั้งระบบขับเคลื่อนแบบ 4×2 และ 4×4
ในตลาดออสเตรเลีย Mitsubishi มั่นใจว่า Triton โฉมใหม่ จะสามารถทำยอดขายได้ดีไม่แพ้โฉมปัจจุบัน โดยในปัจจุบัน Triton มียอดขายเป็นอันดับ 3 รองจาก Toyota Hilux และ Ford Ranger โดยเจนเนอเรชั่นใหม่ จะมาพร้อมเงื่อนไขในการบริการหลังการขายที่ดีที่สุดในตลาด คือการรรับประกันรถยนต์ยาวนานถึง 10 ปีเต็ม
[yourchannel video=”n0ZQpiifBOY” autoplay=”1″ show_comments=”1″]