Toyota Motor มีแผนลงทุนเพิ่มเติมในประเทศอินโดนีเซีย มูลค่ากว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 65,800 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อทำการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จากการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส และนิกเกอิ
รัฐบาลอินโดนีเซีย ได้แสดงความพยายาม ที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า ที่สำคัญของโลกมาโดยตลอด จากความได้เปรียบ ในการเป็นแหล่งแร่นิเกิล ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญ ในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ซึ่งก่อนหน้านี้ มีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายบริษัท ได้เข้าไปลงทุนในด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็น CATL จากจีน Hyundai Motor และ LG Energy Solutions จากเกาหลีใต้ โดยรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย แสดงความเชื่อมั่น หลังจากได้เข้าพบกับนายชิเกรุ ฮายาวากะ รองประธานบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ที่ประเทศญี่ปุ่น ว่าความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอินโดนีเซีย และประเทศในแถบอาเซียน จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะอินโดนีเซียเพียงประเทศเดียว ก็มีประชากรถึง 270 ล้านคนไปแล้ว ซึ่งภายในปี 2050 อินโดนีเซีย มีแผนทดแทนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่เครื่องยนต์สันดาปภายในทั้งหมด ด้วยยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยมลพิษเข้าสู่อากาศ โดยรัฐบาล ตั้งเป้าที่จะให้มีการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 13 ล้านคัน และรถยนต์ไฟฟ้า 2.2 ล้านคัน ภายในปี 2030 ในขณะที่ Toyota มีแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริด ในช่วง 4 ปีข้างหน้า
ฮายาวากะ เผยว่า โตโยต้าหวังว่า การลงทุนเพิ่มในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลอินโดนีเซีย ตระหนักถึงความจริงจังของบริษัท ในการลงทุนทางด้านยานยนต์ไฟฟ้า แต่ผู้บริหารโตโยต้า ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนดังกล่าว
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Mitsubishi Motors ก็เพิ่งประกาศแผนการลงทุนเพิ่มอีก 10 ล้านล้านรูเปียในประเทศอินโดนีเซีย ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด ในช่วงปี 2022-2025 โดยการลงทุนต่างๆของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด้ เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ เพื่อสานสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจกับประเทศญี่ปุ่น
[yourchannel video=”bkV3gjMWuh0″ autoplay=”1″ show_comments=”1″]