แม้ว่าจะเป็นค่ายรถยนต์จากจีน ที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเมื่อไม่นานมานี้ แต่ Neta Auto กลับเป็นค่ายรถยนต์ที่มีความคืบหน้าในการบุกตลาดเมืองไทยมากที่สุดค่ายหนึ่งก็ว่าได้ เพราะการส่ง Neta V เข้ามาลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ในราคาที่ถือว่าต่ำที่สุดรุ่นหนึ่งของตลาด เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าในระดับเดียวกัน ทำให้การแข่งขันในตลาด EV ดุเดือดมากขึ้นไปอีก โดยในวันที่ 20 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ Neta Auto Thailand จะมีการเปิดตัว Neta V อย่างเป็นทางการ พร้อมแสดงความมั่นใจว่า จะสามารถลงนามกับกรมสรรพสามิต เพื่อเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนด้านภาษี รับเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาท และลดภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2% ได้ก่อนวันที่ 20 กรกฎาคมนี้
Neta Auto Thailand ยังมีแผนเปิดตัว Neta U Pro ในช่วงปลายปี 2022 แต่คาดว่า การจำหน่าย จะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2023 นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนในการทำตลาดรถซีดานในเมืองไทยอีกด้วย ซึ่งรุ่นรถยนต์ทางเลือกเดียว ที่มีอยู่ในขณะนี้ ก็คือ Neta S ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศจีนไปเมื่อเร็วๆนี้
Neta S เป็นรถซีดานแบบ NEV หรือรถยนต์พลังงานใหม่ จากค่าย Hozon Auto บริษัทแม่ของ Neta Auto Thailand โดยมีทั้งเวอร์ชั่น EV ที่เป็นไฟฟ้า และ EREV ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับ Range Extender ที่เป็นเครื่องยนต์ปั่นไฟ เพื่อขยายระยะทางวิ่งให้ไกลมากขึ้น ในประเทศจีน คู่แข่งของ Neta S ได้แก่ Xpeng P7 NIO ET5 เป็นต้น Neta S มาพร้อมดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย ในแบบสปอร์ตซีดาน ไฟเดย์ไทม์ LED เรียวยาวคล้ายหนวดแมว ฝากระโปรงหน้าถูกออกแบบให้ความรู้สึกลู่ลม มือจับประตูเป็นแบบซ่อนตัว ในขณะที่ด้านหลัง จะพบดีไซน์ของไฟท้าย ที่ดูคล้ายกับที่พบในรุ่น V หลังคาด้านหลังลาดเอียงลงมาถึงขอบฝากระโปรงหลังแบบ ducktail ซึ่งรูปโฉมในแบบสปอร์ตล้ำสมัยนี้ น่าจะเป็นจุดขายสำคัญที่จะช่วยให้รถซีดานรุ่นนี้แจ้งเกิดได้ แม้ว่าตลาดซีดานจะถือว่าอยู่ในช่วงถดถอยก็ตาม แต่ด้วยทางเลือกที่น้อย และยังไม่มีขุมพลังไฟฟ้าในตลาดซีดานของไทย ทำให้มีช่องว่างสำหรับ NETA S ที่จะเข้าไปเติมเต็มได้
ห้องโดยสารภายในก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายของ NETA S ด้วยการนำเสนอจอแสดงผลกลางแนวตั้งขนาดใหญ่กว่าปกติ ตามที่เราได้เห็นไปแล้วทั้งในรุ่น V และ U Pro โดยจอของ Neta S มีขนาดใหญ่ถึง 17.6 นิ้ว นอกจากนั้นยังมีการตกแต่งภายในด้วยวัสดุหนัง ลายไม้ และอัลคันทาร่า มาพร้อมชุดเครื่องเสียงขนาด 1216 วัตต์ และลำโพง 21 ตัว
Neta S ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มของ Hozon ที่เรียกว่า Shanhai มีระยะฐานล้อที่ยืดหยุ่นได้ ระหว่าง 2750-3100 มม คือยาวกว่าทั้ง Honda Civic Toyota Corolla Altis รวมถึง Toyota Camry เสียด้วยซ้ำ ทั้งนี้เพื่อให้รองรับได้ทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง และระบบ AWD ซึ่งการที่แพลตฟอร์มนี้ สามารถยืดหยุ่นได้แม้กระทั่งการรองรับการผลิตรถเอ็มพีวี ทำให้ Neta ยังไม่เปิดเผยมิติตัวถังของ S ในขณะนี้
ที่น่าสนใจที่สุดของรถรุ่นนี้ก็คือ ระยะทางวิ่งสูงสุดในโหมดไฟฟ้า เสริมกับการทำงานของ Ranger Extender ซึ่งทำได้ที่ 1,000 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC โดยในโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จะอยู่ที่ราว 710 กิโลเมตร ทำให้มีอัตราการบริโภคไฟฟ้าอยู่ที่ 12 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร
Neta S ยังมาพร้อมกล้องข่วยมองรอบคันถึง 13 ตัว เรดาร์ตรวจจับแบบ Ultrasonic อีก 12 ตัว เรดาร์แบบ Millimeter-wave 5 ตัว และเซนเซอร์ LIDAR อีก 2 ตัว เพื่อความชาญฉลาดในการตรวจจับวัตถุรอบคัน และช่วยควบคุมการขับขี่ที่เหนือกว่า
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการทำตลาดในไทย เชื่อว่า Neta Auto น่าจะเลือกเวอร์ชั่น EV 100% มาทำตลาดมากกว่า เพื่อให้เข้ากับหลักเกณฑ์ของโครงการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะต้องไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นส่วนประกอบ ทำให้ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ อยู่ที่ 710 กิโลเมตรในทางทฤษฏี ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เดินทางจากกรุงเทพฯไปยังเชียงใหม่ได้แบบม้วนเดียวจบ โดยไม่มีการหยุดชาร์จไฟ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เชื่อว่า Neta อาจจะมีรุ่นที่ขับได้ไกลกว่าในปัจจุบัน เข้ามาเป็นทางเลือกเพิ่มเติม ซึ่งหากมีการเปิดตัวขึ้นในเมืองไทยตามแผน คาดว่าน่าจะเป็นปลายปี 2023 เป็นต้นไป หลังจากทำตลาด Neta V และ U Pro ไปได้สักระยะหนึ่ง ซึ่งต้องดูผลตอบรับของรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นแรกด้วย
[yourchannel video=”DeRy8W1nT4U” autoplay=”1″ show_comments=”1″]