ในช่วง 1-2 เดือนมานี้ เราเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของ Mitsubishi Triton เจนเนอเรชั่นใหม่มากขึ้น จากภาพ spy shot ที่มีการจับภาพได้ ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะภาพชุดล่าสุด ที่เป็นรุ่น production ซึ่งไม่มีการใช้ชิ้นส่วนเก่ามาปกปิดเอาไว้เหมือนรถต้นแบบในช่วงแรกๆ ทำให้เราได้เห็นทรวดทรงเส้นสายที่แท้จริง แม้ว่าพื้นผิวตัวถังยังมีการปิดทับด้วยสติ๊กเกอร์ลายพรางเอาไว้ก็ตาม แต่ก็ชัดเจนพอที่จะทำให้กราฟฟิคดีไซเนอร์บางสำนักข่าว สร้างภาพจำลองขึ้นมาได้ และถ้าหากไม่มีการปรับแผนไปจากเดิม คาดว่าเราจะได้เห็นการเปิดตัว All-New Mitsubsihi Triton เจนเนอเรชั่นใหม่ ในปลายปีนี้ที่ประเทศไทย ซึ่งหลังจากนั้นก็จะมีการทยอยเปิดตัวไปในแต่ละตลาดต่อไป
ก่อนหน้านี้ Mitsubishi มีความชัดเจนมาโดยตลอด ถึงแผนการนำเอาระบบขับเคลื่อน PHEV หรือ Plug-In Hybrid มาใช้กับ All-New Triton โฉมใหม่ โดยในเมืองไทยเอง Mitsubishi ก็ได้ทำการผลิตระบบขับเคลื่อนดังกล่าวสำหรับรุ่น outlander PHEV ไปแล้ว ล่าสุด Spyder7 สื่อยานยนต์จากญี่ปุ่น ที่มักจะนำเสนอข่าวจากวงใน ได้รายงานว่า Mitsubishi เตรียมนำเอาระบบขับเคลื่อน PHEV จาก Outlander มาใช้กับ Triton โฉมใหม่ และมีการคาดการณ์จากบางสื่อว่า อาจจะมีการทำตลาด Triton PHEV ในช่วงแรกๆของการเปิดตัวเลย ซึ่งหากข่าวนี้เป็นจริง นั่นหมายความว่า Mitsubishi อาจจะกลายเป็นค่ายรถยนต์รายแรก ที่มีการทำตลาดรถกระบะขนาดกลาง ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริด ซึ่งจะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็มีน้ำหนักมากพอสมควร เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า ในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากกว่าที่หลายๆคนเคยคาดการณ์เอาไว้ และมีคนที่สนใจใช้งานรถกระบะไฟฟ้าอยู่จำนวนหนึ่ง หลังจากที่เริ่มมั่นใจในรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และอีกหลายค่ายรถยนต์ ก็มีแผนเปิดตัวเวอร์ชั่นไฟฟ้าในอนาคต นั่นทำให้เทคโนโลยีไฮบริด เริ่มมีความไม่แน่นอนในเชิงธุรกิจ การที่รีบนำเอาระบบขับเคลื่อน PHEV มาทำตลาดให้เร็วและมากรุ่นที่สุด น่าจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความคุ้มค่าให้กับ Mitsubishi และเป็นปัญหาที่ค่ายรถยนต์หลายค่ายตระหนักดี โดยเฉพาะ Toyota ที่เป็นเจ้าตลาดรถยนต์ไฮบริดอยู่ในปัจจุบัน เหตุผลอีกอย่างที่ทำให้ Mitsubishi ต้องรีบส่ง Triton PHEV ลงสู่ตลาด ก็คือมาตรการที่เข้มงวดของตลาดยุโรป ที่เริ่มจำกัดการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว Triton ไฮบริด จึงเป็นทางเลือกเดียวที่เหมาะสมสำหรับตลาดนี้
ในปัจจุบัน Outlander PHEV ใหม่ มาพร้อมระบบไฮบริดที่ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 20 กิโลวัตต์ชั่วโมง อัพเกรดจากเดิมที่ 13.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง จับคู่กับกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 85 กิโลวัตต์ที่ล้อคู่หน้า และขนาด 100 กิโลวัตต์ที่ล้อคู่หลัง เพื่อทำการขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ โดยจะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน ความจุ 2.4 ลิตร ปรับปรุงใหม่ ที่ให้กำลังสูงสุด 131.4 แรงม้า ทำให้ Outlander PHEV มีพละกำลังรวมสูงสุด อยู่ที่ 248 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร สำหรับระยะทางวิ่งสูงสุดในโหมดไฟฟ้า อยู่ที่ 84 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC โดยมีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 66.67 กิโลเมตร/ลิตรเลยทีเดียว ซึ่งดีขึ้นกว่าเดิมที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินความจุ 1.9 ลิตร
สิ่งที่ยังเป็นที่สงสัย สำหรับผู้ใช้งานรถกระบะเป็นประจำ ก็คือความสามารถในการลากจูงโหลดของ Triton PHEV เพราะหากใช้ระบบขับเคลื่อนเดียวกับ Outlander PHEV แล้ว น้ำหนักสูงสุดที่สามารถลากจูงได้ อยู่ที่เพียง 700 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้น่าจะได้รับการจับตามอง หลังจากที่ Mitsubishi เปิดตัว Triton PHEV ออกมาแล้ว
และอย่างที่เคยมีรายงานข่าวมาก่อน ว่า Mitsubishi ได้พัฒนารถกระบะปิกอัพร่วมกับพันธมิตรอย่าง Renualt และ Nissan ซึ่งทาง Mitsubishi จะเป็นผู้นำสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งทำให้ต้องติดตามกันต่อว่า Nissan Navara เจนเนอเรชั่นใหม่ จะใช้ขุมพลังใดบ้าง หรือจะมีระบบ e-Power เป็นจุดขายที่แตกต่างออกไป ตามที่่เคยมีกระแสข่าวออกมาบ้างแล้ว ซึ่งก็น่าจะใช้เวลาอีกสักพัก จึงจะเริ่มมีความชัดเจนขึ้นมา
แนวทางการทำตลาดรถกระบะไฟฟ้าหรือไฮบริด สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ Owen Thomson ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของ Mitsubishi Motors Australia ที่เปิดเผยกับสื่อมวลขชนเมื่อปีที่ผ่านมาว่า ถ้าคุณมองตลาดรถกระบะโดยรวม มันชัดเจนแล้วว่า ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในทศวรรษนี้ จะเริ่มมีรถกระบะหลายรูปแบบขุมพลังไฟฟ้าออกมาจำหน่าย เพียงแต่จะอยู่ในรูปแบบใด และมีจำหน่ายในเวลาใดเท่านั้น ซึ่งสำหรับ Mitsubishi แล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มพัฒนา Triton โฉมใหม่ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ได้ถูกนำมาพิจารณาไว้ในแผนมาตั้งแต่ต้น
การเปิดตัว All-new Mitsubishi Triton PHEV น่าจะเป็นการปฏิวัติวงการรถกระบะทั่วโลก จากการใช้ขุมพลังไฟฟ้า ที่แม้ว่าจะยังไม่ 100% แต่ก็เป็นการทลายกำแพงความเชื่อเก่าๆที่ว่า รถกระบะไฮบริด อาจจะไม่เหมาะสมกับการใช้งานที่สมบุกสมบัน แต่ด้วยเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด เชื่อว่า TRITON PHEV น่าจะเข้ามาสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับวงการรถกระบะได้ไม่ยาก และที่สำคัญ จุดเริ่มต้นนี้ น่าจะทำให้เกิดปฏิกริยาลูกโซ่ในการใช้รถกระบะไฮบริดและรถกระบะไฟฟ้าตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละค่ายรถยนต์ด้วย
[yourchannel video=”N5QHUBLFh60″ autoplay=”1″ show_comments=”1″]