Honda เปิดตัว All-New Civic Type R เจนเนอเรชั่นที่ 6 หลังจากที่มีการเปิดตัวเป็นครั้งแรก ในปี 1997 เป็นต้นมา โดยใช้พื้นฐานมาจาก Civic โฉมใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 11 ที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ Civic Type R ถูกออกแบบให้สามารถเข้าถึงสมรรถนะของรถแข่ง ได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อมอบประสบการณ์ในด้านความเร็ว ในระดับสูงสุด ที่มาพร้อมความสนุกในการขับขี่
Honda Civic Type R ใหม่ มาพร้อมชุดแต่งโฉมสไตล์สปอร์ตรอบคัน แต่ลดความดุดันให้น้อยลงกว่าเจนเนอเรชั่นก่อน เพิ่มช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้าเข้าไป คาลิปเปอร์เบรคสีแดง ดิฟฟิวเซอร์ท้าย มาพร้อมปลายท่อไอเสียสเตนเลส เรียงกัน 3 ท่อตรงกึ่งกลาง ดูสะดุดเป็นพิเศษ แต่ที่โดดเด่นกว่า คงหนีไม่พ้นปีกหลังสีดำขนาดใหญ่ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ โลโก้คำว่า Type R ที่ฝากระโปรงท้าย โดย Honda ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของขนาดล้ออัลลอย ซึ่งในเจนเนอเรชั่นก่อน เป็นขนาด 20 นิ้ว แต่บางรายงานข่าว ระบุว่า เป็นขนาด 19 นิ้ว
ห้องโดยสารภายใน มีการใช้สีแดงตกแต่ง ซึ่งพบได้ที่พรมรองพื้น เบาะนั่งหุ้มด้วยหลังกลับสังเคราะห์ ที่จะช่วยยึดจับลำตัวของผู้ขับ และผู้โดยสารด้านหน้าได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีการขับขี่ในสนามแข่งก็ตาม
Honda ได้เพิ่มโหมด R+ เข้าไป โดยมีการแสดงบนหน้าจอแสดงผลการขับขี่ ที่แสดงสถานะรอบของเครื่องยนต์ ความเร็วที่ใช้ และตำแหน่งเกียร์ โดยในส่วนล่างของหน้าจอ จะแสดงข้อมูลสถานะต่างๆของรถยนต์
ขุมพลังของ Honda Civic Type R ใหม่ คือเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จาก Civic Type R เจนเนอเรชั่นก่อน แต่ Honda ก็ยังไม่เปิดเผยตัวเลขด้านสมรรถนะอีกเช่นกัน โดย Type R โฉมปัจจุบัน มีพละกำลังสูงสุด 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ฉะนั้นตัวเลขใหม่ ก็ไม่น่าจะต่ำกว่านี้ โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้าเช่นเดิม และมีเพียงเกียร์ธรรมดา 6 สปีดรุ่นเดียวเท่านั้น ซึ่ง Honda ได้ทำการปรับปรุงระบบส่งกำลังและกลไกต่างๆ เพื่อให้การตอบสนองและการควบคุมการขับขี่ดีขึ้น
Honda ยังเผยอีกว่า ทีมงานได้เน้นไปที่การทำความเร็ว เสถียรภาพของรถในระหว่างการขับขี่ที่ย่านความเร็วสูง และการให้ความรู้สึกที่ต้องการขับ Civic Tyoe R อยู่ตลอดเวลา
และแน่นอนว่าในส่วนของราคาจำหน่าย ก็ยังไม่มีการเปิดเผยในตอนนี้ แต่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 4 หมื่นเหรียญสหรัฐ หรือ 1,480,000 บาท สำหรับคู่แข่งโดยตรงของ Honda Civic Type R ได้แก่ Volkswagen Golf R, Hyundai i30 N รวมถึง Mercedes-AMG A45 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมราคา คาดว่าจะมีการปล่อยออกมาในช่วงที่จะเริ่มจำหน่ายในปลายปีนี้