แม้ว่า General Motors จะถอนการลงทุนในเมืองไทยไปแล้ว แต่ด้วยความเท่สง่างามของ Chevrolet Colorado โฉมใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 3 รุ่นปี 2023 เราก็อดไม่ได้ ที่จะนำภาพสวยๆของรถกระบะรุ่นนี้ มาให้ได้ชมกัน โดย GM ได้เน้นให้เห็น 3 รุ่นย่อยสำคัญ ในช่วงแรกของการเปิดตัว ซึ่งได้แก่ รุ่น Trailboss ZR1 และ ZR2 ส่วนอีก 2 รุ่นที่เหลือ ก็คือ รุ่น Work Truck และรุ่น LT ซึ่งทั้ง 3 รุ่นแรกที่กล่าวมา ต่างมีดีไซน์ที่ดูดุดันมากกว่าโฉมก่อนๆ และยังมาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ ที่มีฐานล้อยาวกว่าเดิมถึง 3.1 นิ้ว สำหรับรุ่นตัวถังแบบ Crew Cab โดย Colorado รุ่นใหม่ จะมีขนาดกระบะท้ายเพียงขนาดเดียว คือ 5 ฟุต 2 นิ้ว ต่างจากรุ่นก่อนๆ ที่มีมากกว่า 1 ขนาด
วิศวกรของ Chevrolet ได้ขยับส่วนของล้อ ให้ไปทางด้านปลายของรถมากขึ้น ส่งผลให้มีมุมปะทะดีกว่าโฉมปัจจุบัน โดยรุ่นย่อย Trailboss จะมาพร้อมช่วงล่างยกสูง 2 นิ้ว และระยะห่างระหว่างล้อกว้างกว่าของรุ่น Work Truck และ LT ถึง 3 นิ้ว ในขณะที่รุ่น ZR2 ยกสูงมากกว่า คือที่ 3 นิ้ว อยู่ที่ 272 มิลลิเมตร มาพร้อมแดมเปอร์ Multimatic DSSV ที่รู้จักกันดี
ขุมพลังของ Chevrolet Colorado โฉมใหม่ จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.7 ลิตร ที่มีการปรับแต่งเป็น 3 เวอร์ชั่น โดยระบบส่งกำลังจะมีเพียงเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเพียงรุ่นเดียว ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ดีกว่าเดิม เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดระหว่าง 237 แรงม้า ไปจนถึง 310 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุด อยู่ระหว่าง 351-583 นิวตันเมตร
พื้นที่กระบะท้ายกลายมาเป็นจุดขายของ Colorado โฉมใหม่ ด้วยนวัตกรรมในเซกเมนต์นี้ โดยรุ่นย่อย ZR2 จะมาพร้อมพื้นที่เก็บของที่ป้องกันน้ำไหลออกได้ โดยมีขนาดความกว้าง 45 นิ้ว ลึก 4 นิ้ว พร้อมมีช่องระบายน้ำออกให้ด้วย กระบะท้ายยังมีสลักสำหรับสายรัดหรือเชือก จำนวน 8 จุดเป็นมาตรฐาน โดยสามารถเพิ่มจุดได้มากกว่านั้น ส่วนด้านหน้าของกระบะท้าย จะมีร่องที่ทำไว้ เพื่อยึดจับกับยางของรถจักรยาน หรือจักรยานยนต์ นอกจากนั้น ยังมีช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า ขนาดแรงดัน 110 โวลท์มาให้ด้วย
ห้องโดยสารภายใน จะพบจอแสดงผลกลางระบบ infotainment ขนาด 11.3 นิ้ว ส่วนจอแสดงข้อมูลการขับขี่ เป็นขนาด 8.0 นิ้ว แป้นสวิทช์เลือกโหมดการขับขี่ บริเวณคอนโซลกลาง มีให้เลือก 5 โหมดการขับขี่ด้วยกัน คือ Normal, Tow หรือ Haul, Off-Road, Terrain และ Baja
Chevrolet Colorado โฉมใหม่ มาพร้อมระบบความปลอดภัยต่างๆอย่างครบครัน ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบเบรคเมื่อตรวบพบคนเดินถนนด้านหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ที่มาพร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน ระบบไฟสูงอัตโนมัติ intelliBeam เป็นต้น โดยมีอ็อปชั่นเป็นระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่อมีจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบ Adaptive Cruise Control ระบบกล้องช่วยมองรอบคันแบบ HD และระบบเตือนเมื่อมีคนเดินถนนด้านหลัง
สำหรับรุ่นออฟโรดอย่าง ZR2 จะมาพร้อมชุดแต่งในส่วนต่างๆ กระจังหน้าส่วนล่างดีไซน์พิเศษ มาพร้อมโลโก้ Flow Tie ตกแต่งด้วยเส้นสีแดง กันชนหน้าและหลังถูกออกแบบใหม่เพื่อให้มุมปะทะ มุมจากที่ดีขึ้น โดยด้านใต้มีการติดตั้งแผ่นกันกระแทกอลูมิเนียมมาให้ด้วย ดิฟล็อคหน้าหลังไฟฟ้า ล้ออัลลอยเป็นขนาด 17 นิ้ว หุ้มด้วยยางขนาด 33 นิ้ว ส่วนห้องโดยสารภายในของ ZR2 จะเป็นโทนสีเทา เดินด้ายสีเหลือง มาพร้อมเบาะคู่หน้าที่มีระบบทำความอุ่น เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วน ZR2 ที่มาพร้อมชุดแต่ง Desert Boss จะมีเหล็กกันนหน้าเพิ่มเข้ามา รวมถึงฝาครอบล้ออัลลอยใหม่สีทอง มีการติดตั้งสปอร์ตบาร์เพิ่มเข้ามาที่กระบะท้าย ที่ยาวไปตลอดแนวด้านข้าง รวมถึงไลท์บาร์บนหลังคา นอกจากนั้นยังมีกล้องช่วยมองใต้ท้องรถ และสติ๊กเกอร์ตกแต่งเพิเศษ
Chevrolet จะเริ่มจำหน่าย Colorado โฉมใหม่ ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า 2023 โดยรถกระบะรุ่นนี้ จะมีการผลิตขึ้นที่โรงงานของบริษัท ในรัฐมิสซิสซิปปี้ สหรัฐอเมริกา
[yourchannel video=”5Y4DoU_kdF8″ autoplay=”1″ show_comments=”1″]