มาสด้าเดินหน้ากระตุ้นตลาดต่อเนื่อง ส่ง New Mazda3 เก๋งยอดนิยม เจ้าของรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก และ Top 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ชูไฮไลท์สำคัญ คือ สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร และเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยครบครันยิ่งขึ้น ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูที่เหนือกว่า กับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า หนึ่งเดียวในตลาด พร้อมเติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบไม่ซ้ำใคร กับสีภายนอกใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ มาพร้อมตัวถังสองรูปแบบ ทั้งซีดานและฟาสท์แบค ที่สะท้อนภาพลักษณ์ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ลงตัว มอบความคุ้มค่า คุ้มราคา ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้น เพียง 979,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ กับดอกเบี้ย 1.99% และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี และพร้อมส่งมอบรถใหม่ ให้กับลูกค้าได้ทันที
ปัจจุบันตลาดรถยนต์นั่งระดับ C segment มีผู้เล่นหลักในตลาดเพียง 3 แบรนด์ มียอดขายรวมกันทั้งสิ้น ประมาณ 2-3 หมื่นคันต่อปี ในขณะที่มาสด้า มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 พันคันต่อปี ครองส่วนแบ่งการตลาด ประมาณ 10% หรือเฉลี่ยประมาณ 3 ร้อยคันต่อเดือน โดยเฉพาะรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ที่มาสด้า ยังคงครองความเป็นเจ้าตลาดมาตลอดกาล นับตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรก จนถึงปัจจุบัน ปรับโฉมเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐาน ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้น และคัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูง ผนวกกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันถึง 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร จะส่งผลให้ Mazda3 ยังคงความสปอร์ตพรีเมี่ยม เหนือกว่ารถทุกรุ่น และคาดว่ายอดขาย จะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปัจจุบัน
สำหรับ Mazda3 ถือเป็นยนตรกรรมเจเนอเรชั่นใหม่ ที่เป็นดั่งต้นแบบของความสง่างาม ซึ่งเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยมาแล้วทั้งหมด 4 เจเนอเรชั่น โดยเจเนอเรชั่นแรก วางจำหน่ายระหว่างปี 2547-2554 มียอดขายสะสมกว่า 30,000 คัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์มาสด้าอย่างสิ้นเชิง ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 วางจำหน่ายระหว่างปี 2554-2557 มียอดขายสะสมกว่า 15,000 คัน ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เริ่มวางจำหน่ายระหว่างปี 2557-2563 มียอดขายสะสมกว่า 32,000 คัน และเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยยอดขายสะสมกว่า 8,000 คัน ซึ่งทำให้ปัจจุบัน มีรถยนต์ Mazda3 อยู่ภายใต้การครอบครองของลูกค้าในประเทศไทย กว่า 85,000 คัน และอยู่ในการครอบครองของลูกค้าทั่วโลก รวมแล้วกว่า 6.9 ล้านคัน
สำหรับการแนะนำสู่ตลาดครั้งนี้ นับเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งแรกของ Mazda3 เจเนอเรชั่นล่าสุด เนื่องด้วยมาสด้าให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน จึงได้พัฒนารถรุ่นนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบ ในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความสง่างาม ที่ลูกค้าทั่วโลกให้การยอมรับ โดยเพิ่มออฟชั่นและอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันเหนือระดับ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น คือรุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports อันได้แก่ ระบบปรับองศาไฟหน้า ตามการเลี้ยวของรถ AFS, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง และกล้องมองหลัง เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะขับเวลากลางวันหรือในเวลากลางคืน
นอกจากนี้ มาสด้ายังได้เพิ่มระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า, Sports Paddle Shift, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature และระบบปรับองศาไฟหน้า ตามการเลี้ยวของรถ AFS เข้ามาในรุ่น 2.0 S/2.0 S Sports รวมถึงยกระดับภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูที่เหนือกว่ากับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS ในรุ่น 2.0 SP/ 2.0 SP Sports อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ New Mazda3 ยังมาพร้อมสีภายนอกใหม่ ที่จะมาสะกดสายตาทุกมุมมอง กับสีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ผนวกกับสมรรถนะของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน จึงทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมาสด้าเชื่อว่าจะตอบรับความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ได้เป็นอย่างดี
ภายในห้องโดยสารยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสปอร์ตหรูมีระดับ พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด เสมือนงานทำมือ (Hand-Crafted Design) ทั้งการออกแบบ และการคัดสรรวัสดุอย่างประณีต ดุจงานศิลปะที่มีแนวทางเฉพาะตัว พร้อมมอบความรู้สึกถึงความสะดวกสบายที่เหนือกว่า กับเบาะคนขับ ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลแบบสี MID และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี บนกระจกหน้า ซึ่งทุกองค์ประกอบ ได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยคำนึงถึงการใช้งาน และประโยชน์ของมนุษย์เป็นหลักตามปรัชญา Human Centric Philosophy เพื่อมอบความสะดวกสบาย และปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร ไปตลอดการเดินทาง
New Mazda3 ยังมอบความเร้าใจ ด้วยการถ่ายทอดจิตวิญญาณความสปอร์ตของผู้ขับขี่ ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น ของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ให้พละกำลังสูงถึง 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันได้ถึง E85 ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กม./ลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับระบบส่งกำลังอัจฉริยะ SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่ให้การตอบสนองแม่นยำ ในทุกรอบความเร็ว พร้อมแมนนวลโหมด Activematic ให้ความสนุกเร้าใจอีกระดับ
นอกจากนี้ New Mazda3 ยังคงส่งมอบความมั่นใจ และความเพลิดเพลินสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยการพัฒนารถยนต์ตามหลักปรัชญา จินบะ อิไต (Jinba Ittai) ที่ให้คนกับรถเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมถึงแพลตฟอร์มเจเนอเรชั่นใหม่ SKYACTIV-VEHICLE ARCHITECTURE ที่ได้รับการพัฒนา จากท่วงท่าการเดินของมนุษย์ ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและมีสมดุล เพื่อพัฒนารถยนต์ ที่ให้ความรู้สึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย พร้อมด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถเป็นหนึ่งเดียวกัน ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมอบความสะดวกสบาย ให้ผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง
New Mazda3 ยังช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัด กับ Mazda Connect ที่ครบครันทุกฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย หรือ รับ-ส่ง SMS ผ่านสัญญาณ Bluetooth เพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอลได้มากยิ่งขึ้น ด้วย Apple CarPlay® และ Android Auto™* ที่สามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน สามารถใช้งานฟังก์ชั่นสำคัญๆ โดยแสดงผลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ที่สั่งงานด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมมอบความสุนทรีย์ที่เหนือระดับ ด้วยระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
New Mazda3 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และฟาสท์แบค 5 ประตู
- รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ได้ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานและระบบความปลอดภัยมาอย่างครบครัน อาทิ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lamp) แบบ LED Signature, ไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS, ระบบไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ, มาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี MID, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี บนกระจกหน้า, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด, หน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander, ระบบควบคุมความเร็วคงที่, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, กล้องมองหลัง, ถุงลมนิรภัยรวม 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าด้านคนขับ พร้อมด้วยระบบ i-Activsense เพื่อมอบความปลอดภัยอย่างเหนือระดับให้แก่ผู้ขับและผู้โดยสารทุกคน
- รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports เพิ่มอุปกรณ์และเทคโนโลยีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Sports Paddle Shift), วัสดุตกแต่งคอนโซล และมือจับประตูด้านในสีเงินโครเมียม, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ฝาปิดที่วางแก้วน้ำที่คอนโซลกลาง, ระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด, ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว (สิ่งต่างๆเหส่านี้ เป็นคุณสมบัติเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 C)
- รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports มาพร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้า ระบบความปลอดภัยและสะดวกสบายที่เหนือระดับ อาทิ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบเสียงคุณภาพสูงจาก Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง, ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ และระบบ i-Activsense อีกหลายรายการ เพื่อมอบสุนทรียภาพและความปลอดภัยไปตลอดการเดินทาง (สิ่งต่างๆเหส่านี้ เป็นคุณสมบัติเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S)
New Mazda3 มาพร้อมเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ที่ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากมาย หลายระบบ ประกอบด้วย
ระบบเตือน เมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
ระบบเตือน เมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบช่วยหยุดรถ เมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง SBS-RC (Smart Brake Support-Reverse Crossing)
ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS (Adaptive Front-Lighting System)
ระบบเตือน เมื่อเกิดความอ่อนล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS (Lane Keep Assist System)
ระบบเตือน เมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติ ขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse)
ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัย ตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
ระบบเตือนการชนด้านหน้า และช่วยเบรกอัตโนมัติแบบ Advance หรือ Advanced SBS (Advanced Smart Brake Support)
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)
ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง
New Mazda3 มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ประกอบด้วย
สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) มีเฉพาะในรุ่นฟาสท์แบค
สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver)
สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
ราคาจำหน่าย New Mazda3 ทั้งรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกัน
- New Mazda3 รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports ราคา 979,000 บาท
- New Mazda3 รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports ราคา 1,069,000 บาท
- New Mazda3 รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports ราคา 1,198,000 บาท
ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้ายังได้จัดแคมเปญสุดพิเศษ ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษในช่วงเปิดตัวแนะนำ New Mazda3 กับดอกเบี้ย 1.99% และฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งลูกค้าที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือทางเว็บไซต์ www.mazda.co.th
*ผลการทดสอบตามมาตรฐาน UN101 Combine Mode