เปิดตัวรถปิกอัพพันธุ์ใหม่ All-New 2022 Toyota Tundra โฉมใหม่ล่าสุด เจนเนอเรชั่นที่ 3 มีไฮบริดด้วย

Toyota เปิดตัวรถกระบะพันธุ์ยักษ์เจนเนอเรชั่นใหม่ All-New Tundra ที่ได้รับการออกแบบ และประกอบขึ้นในสหรัฐอเมริกา เหมือนอย่างที่เคยทำมา ตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรก ในปี 1999 จนมาถึงโฉมใหม่ล่าสุด เจนเนอเรชั่นที่ 3 ตามที่เห็นอยู่นี้ จากประสบการณ์ในการพัฒนารถกระบะปิกอัพ มานานกว่า 70 ปี ที่หลอมรวมกัน จนมาเป็น Tundra รุ่นล่าสุด มาพร้อม 6 รุ่นย่อยให้เลือก ที่กำลังจะสร้างมาตรฐานใหม่ที่สูงขึ้น ให้กับวงการรถกระบะขนาดใหญ่ของอเมริกา

ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โต และหน้าตาที่ดูดุดันบึกบึน คำถามแรกๆ ที่คนส่วนใหญ่สงสัยก็คือ ขุมพลังที่ใช้ขับเคลื่อนเป็นแบบใด All-New Tundra เจนเนอเรชั่นนี้ มาพร้อม 2 รุ่นขุมพลัง ที่เหนือว่า Tundra เจนเนอเรชั่นก่อน ทั้งในเรื่องของพละกำลัง และการประหยัดน้ำมัน หนึ่งในขุมพลังที่ว่าก็คือ เครื่องยนต์ i-Force V6 Twin Turbo ความจุ 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 389 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 490 ปอนด์ฟุต หรือ 649 นิวตันเมตร ถ้าแรงไม่พอ คุณยังมีเครื่องยนต์ i-Force MAX V6 Hybrid Twin Turbo ความจุ 3.5 ลิตร ขนาด 437 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 583 ปอนด์ฟุต หรือ 790 นิวตันเมตร ซึ่งเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นนี้ ถือว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกมเลยก็ว่าได้ ด้วยการออกแบบมอเตอร์เดี่ยวแบบใหม่ ที่ให้พละกำลังมากขึ้น แต่กลับประหยัดน้ำมันได้มากเช่นกัน ส่วนระบบส่งกำลังที่ใช้ เป็นเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ ECT-i 10 สปีด แบบ all-new ที่รองรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ทั้ง off-road การลากจูง และการใช้งานทั่วไป ด้วยอัตราทดเกียร์ 10 สปีด ทำให้หาจุดสมดุลย์ระหว่างสมรรถนะ และการประหยัดน้ำมันได้ง่ายขึ้น ซึ่งขุมพลังนี้ ช่วยให้ Tundra ใหม่ สามารถลากจูงน้ำหนัก ได้มากถึง 12,000 ปอนด์ หรือราว 5,443 กิโลกรัม รับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุด ถึง 1,940 ปอนด์ หรือ 880 กิโลกรัม

สมรรถนะที่เหลือเชื่อของ Tundra ใหม่ ยังสะท้อนออกมาให้เห็นทางดีไซน์ของโครงสร้างเหล็กกล้า ที่เป็นรูปกล่อง และมีความแข็งแรงสูง ซึ่งมีความสมดุลย์ระหว่างความแข็งแรง น้ำหนัก และการประหยัดน้ำมัน ในขณะที่ตัวถังด้านบน ประกอบขึ้นจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ด้วยการใช้ฝากระโปรงหน้า และแผงประตูด้านหน้า ทำจากอลูมิเนียม รวมถึงวัสดุกันสนิม เพื่อความทนทานในระยะยาว ส่วนพื้นกระบะท้าย ถูกทำขึ้นมาจากวัสดุเสริมอลูมิเนียม และส่วนที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการแจ้งเกิด Tundra อีกครั้ง ในฐานะรถกระบะเจนเนอเรชั่นใหม่ ก็คือระบบกันสะเทือน เพราะตอนนี้ ระบบกันสะเทือนหลัง ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นแบบ Multi-Link ที่มาพร้อมคอยล์สปริง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และเสถียรภาพในการลากจูง ซึ่งประกอบด้วยระบบกันสะเทือนแบบแปรผัน หรือ AVS ที่มีการปรับแดมเปอร์ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ระหว่างความนุ่มนวลในการโดยสาร และเสถียรภาพของรถ และยังมีระบบกันสะเทือนอากาศ ที่รองรับการปรับความสูงในระดับต่างๆ ซึ่งสามารถทำได้โดยระบบ manual ทั้งการปรับระดับให้ต่ำลง เพื่อง่ายในการเข้าถึงห้องโดยสารภายใน หรือปรับให้สูงขึ้น หากต้องการบุกตะลุยในเส้นทางออฟโรด หรือปล่อยให้ปรับเองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สอดคล้องกับน้ำหนักที่ลากจูง เพื่อความมั่นใจสูงสุด เมื่อมีการใช้ในแบบ heavy duty และนั่นนำไปสู่เคล็ดลับใหม่ของ Tundra ที่ทำให้การลากจูงโหลด ทำได้ง่ายเหมือนการเดินในสวนสาธารณะ ซึ่งเราไม่ได้หมายถึงเพียงแค่เรื่องของขุมพลัง หรือโหมดลากจูงเท่านั้น ระบบ Trailer Garage ยังช่วยให้การเชื่อมต่อกับรถพ่วง ทำได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Trailer Backup Guide ที่ช่วยหักเลี้ยวพวงมาลัย ในขณะที่คุณกำลังถอยรถเข้าใกล้รถพ่วง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย หากคุณต้องประคองพวงมาลัย ในขณะถอยรถเอง ซึ่งระบบดังกล่าว ทำให้ Tundra กลายเป็นรถกระบะที่มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น

และแม้ว่า Toyota Tundra จะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ แต่มันก็มีวิธีจัดการกับพื้นผิวที่เป็นทะเลทราย สำหรับรุ่น TRD Pro ที่มีการยกสูงและมาพร้อมโช้คอัพพิเศษจาก Fox ซึ่งจริงๆแล้ว ทุกรุ่นในไลน์อัพของ Tundra ก็รองรับการลุยไปในพื้นที่ต่างๆอยู่แล้ว ซึ่งทุกรุ่นย่อย จะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ part-time ให้เลือก ซึ่งแน่นอนว่า ยังมีฟีเจอร์ off-road ที่ทันสมัยมากกว่า ซึ่งมีอยู่ในชุดแต่ง TRD Off-Road เช่น ระบบ Multi-Terrain Monitor ที่ให้มุมมองพื้นถนน ที่กว้างแบบ panoramic เพื่อมุมมองในจุดอับสายตาด้านใต้ รวมถึงการแสดงองศาของตัวรถในแต่ละด้าน ฟีเจอร์เด่นๆหลายอย่างของ Toyota ได้มีมาให้ใน Tundra โฉมใหม่เป็นครั้งแรก ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ที่เรียกว่า Multi-Terrain Select ที่ช่วยให้ผู้ขับ สามารถปรับระบบ traction ได้ง่ายขึ้น ตามสภาพพื้นผิวถนน เช่น ทรายหรือหิมะ ฟีเจอร์ Crawl Control ที่ช่วยปรับคันเร่งและเบรคอัตโนมัติ ตามการตั้งค่า 5 แบบ ที่ระดับความเร็วต่ำ
ซึ่งช่วยให้ผู้ขับ มีสมาธิในการควบคุมพวงมาลัยมากขึ้น Tundra ใหม่ ยังมาพร้อมดิฟล็อคหลังไฟฟ้า ที่ช่วยกระจายกำลัง ไปที่ล้อหลังทั้งสองข้าง เพื่อจัดการกับพื้นถนน ที่เป็นโคลนตมได้ง่ายขึ้น

และด้วยสมรรถนะขนาดนี้ ในเรื่องของการออกแบบรูปโฉม ก็ต้องสะท้อนออกมาในทิศทางเดียวกันด้วย ซึ่งในแต่ละรุ่นย่อย จะมีหน้าตาที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะในรุ่น TRD Pro แต่อุปกรณ์บางอย่าง ก็จะมีมาให้เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟแบบ Full LED บันไดข้างไฟฟ้า บันไดเหยียบขึ้นท้ายกระบะ ห้องโดยสารภายในง่ายในการเข้าและออก กว้างขวาง ทั้งสำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร
ในรุ่น DOUBLE CAB ยังมาพร้อมกระจกหลังบานสไลด์ เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า

ห้องโดยสารภายในยังมาพร้อมเทคโนโลยี และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมาย อาทิเช่น จอแสดงผลกลางแบบสัมผัส ขนาดใหญ่ถึง 14 นิ้ว ราวกับว่า มีโทรทัศน์ติดมากับตัวรถ ซึ่งจอนี้ ไม่ได้เพียงแค่รองรับการแสดงภาพ ของระบบ Panoramic View Monitor และระบบกล้องมองท้ายกระบะเท่านั้น แต่ยังรองรับการทำงานของระบบ Audio Multimedia และรองรับบริการต่างๆ จากการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกอีกด้วย โดยรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay Android Auto และ Amazon Alexa รวมถึงบริการแบบทดลองใช้ 3 เดือน Platinum Plan ของระบบ SiriusXM ที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจต่างๆมากมาย Tundra ใหม่ ยังมาพร้อมระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยมจาก JBL พร้อมลำโพง 12 ตัว จอแสดงผลการขับขี่ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ให้ข้อมูลต่างๆอย่างชัดเจนกว่าที่เคย

Toyota Tundra ใหม่ ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เบาะนั่งปรับไฟฟ้า ที่มาพร้อมระบบทำความอุ่น ระบบระบายอากาศ และหน่วยความจำที่นั่ง

ในด้านระบบความปลอดภัย Tundra ใหม่ มาพร้อมระบบ Toyota Safety Sense 2.5 ที่ประกอบด้วยระบบความปลอดภัยสำคัญต่างๆ เช่น ระบบความปลอดภัยก่อนการชน พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน พร้อมระบบช่วยควบคุมการหักเลี้ยว ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบ Dynamic Radar Cruise Control แบบ full speed range ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนอัตโนมัติ และระบบช่วยอ่านป้ายจราจร นอกจากนั้น ยังมีระบบเตือนมุมอับสายตา ที่มาพร้อมระบบช่วยหยุดรถ เมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ซึ่งทั้งระบบ Toyota Safety Sense และระบบเตือนมุมอับสายตา ยังสามารถทำงานได้ปกติ เมื่อมีรถพ่วงติดอยู่ด้านท้าย ซึ่งระบบ จะมีการปรับให้เหมาะสมกับรูปแบบตัวรถที่เปลี่ยนไป

และนั่นก็คือข้อมูลในภาพรวม เกี่ยวกับ All-New Toyota Tundra เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่แม้ว่าจะมีพละกำลังที่มากขึ้น แต่รถกระบะขนาดยักษ์รุ่นนี้ ยังประหยัดน้ำมันได้ดี มาพร้อมสมรรถนะที่เต็มอัตรา ในทุกสภาพถนน รวมถึงการออกแบบรูปโฉม ที่ดึงดูดสายตาของผู้ที่ได้พบเห็น ห้องโดยสารภายใน ยังมาพร้อมความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีต่างๆมากมาย รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ครบครัน

Toyota จะเริ่มจำหน่าย All-New Tundra ในปลายปีนี้ พร้อมประกาศราคาจำหน่าย