ที่ผ่านมา หาก Mazda เลือกที่จะเริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อว่าแทบจะทุกคน จะมองไปที่ MX-30 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัท ที่ถูกผลิตออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่า Mazda อาจจะส่งรถไฟฟ้ารุ่นอื่น มาทำตลาดก่อนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เมื่อสื่อในประเทศออสเตรเลีย อย่าง Carsguide รายงานว่า Mazda ออสเตรเลีย กำลังขยายไลน์อัพ ในการทำตลาดรถเอสยูวียอดนิยม อย่าง CX-30 ด้วยการแนะนำเวอร์ชั่นไฟฟ้า เข้าสู่ตลาดในอนาคตอันใกล้
สื่อยานยนต์แดนจิงโจ้รายดังกล่าวเผยว่า แหล่งข่าวภายในของ Mazda ได้ให้ข้อมูลว่า บริษัทกำลังปรับแผน ในการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาด ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยจะมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่น ภายในปี 2025 และภายในปี 2030 รถยนต์ทุกรุ่นที่จำหน่าย จะต้องมีรุ่นย่อย ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เป็นอ็อปชั่นให้เลือกด้วย และมีความเป็นไปได้สูง ที่จะมีการแนะนำ CX-30 EV เข้าสู่ตลาดออสเตรเลีย และจะเป็นเวอร์ชั่นไฟฟ้า ที่ถูกพัฒนาขึ้น โดยใช้ CX-30 เจนเนอเรชั่นปัจจุบัน ซึ่งได้เปิดตัวสู่ตลาด ไปได้เพียง 1-2 ปีเท่านั้น
และอาจจะเป็นข่าวที่ดียิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีความเป็นไปได้อีกว่า CX-30 EV อาจจะมาพร้อมแบตเตอรี่ ที่มีขนาดใหญ่กว่าที่มีใช้ในรุ่น MX-30 ซึ่งมีขนาด 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง นั่นหมายความว่า ระยะทางแล่นสูงสุดต่อชาร์จ ก็จะมากกว่า ทำให้รถไฟฟ้ารุ่นนี้ สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ได้มากขึ้นด้วย บวกกับความนิยมในรุ่นมาตรฐานที่มีอยู่แล้ว น่าจะทำให้ CX-30 EV ได้รับเสียงตอบรับจากตลาดได้ไม่ยาก
หากการปรากฎตัวของ Mazda CX-30 EV เกิดขึ้นจริงๆ คู่แข่งที่มีอยู่แล้วในตลาด ก็จะเป็น MG ZS EV Hyundai Kona Electric และ Kia e-Niro ในขณะที่ MX-30 จะเป็นรถเอสยูวีสไตล์คูเป้ ที่พรีเมี่ยมมากกว่า เน้นการใช้งานในตัวเมือง และทำตลาดในยุโรปกับญี่ปุ่นเป็นหลัก ซึ่งจะมีคู่แข่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์หรู อย่าง Mercedes-Benz EQA และ Lexus UX 300e
ย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา Mazda ได้เผยโฉม CX-30 EV ในงานแสดงยานยนต์ Auto Shanghai 2021 ที่มีแผนจำ
หน่ายในประเทศจีน ในช่วงปลายปี 2021 นี้ ซึ่งแม้ว่าข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมา ยังมีไม่มากนัก แต่ความแตกต่างจาก CX-30 รุ่นมาตรฐาน ที่นอกเหนือไปจากระบบขับเคลื่อนแล้ว ก็คือระดับความสูงของตัวรถ ที่มีมากกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่มาก แต่โอกาสที่ CX-30 EV ที่มีจำหน่ายนอกประเทศจีน จะมีรูปแบบเดียวกันกับเวอร์ชั่นแดนมังกร ก็มีอยู่น้อย เพราะรถไฟฟ้ารุ่นดังกล่าว มีการพัฒนาร่วมกับบริษัทท้องถิ่นอย่าง Changan แต่ Mazda เอง ก็น่าจะได้ประโยชน์ ในเรื่องการพัฒนาแบตเตอรี่ ที่มีขนาดความจุที่มากขึ้น จากความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Changan ซึ่งความจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ในการสร้างจุดขายให้เหนือกว่า หรืออย่างน้อย ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าคู่แข่งในตลาด ซึ่งที่ผ่านมา รถไฟฟ้าอย่าง MX-30 ได้รับเสียงวิพากย์วิจารณ์ ในเรื่องความจุแบตเตอรี่ที่มีอยู่น้อย ซึ่ง Mazda มุ่งเน้นไปในเรื่องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า ทำให้รถรุ่นดังกล่าว ไม่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ได้มากอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งหลายฝ่ายคาดหวังว่า Mazda จะไม่ใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้ กับรถไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ
จากงานแถลงข่าวในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Mazda ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า ในระหว่างปี 2022-2025 บริษัทมีแผนในการใช้แพลตฟอร์มที่เรียกว่า “SkyActiv Multi-Solution Scalable Architecture” สำหรับรถไฮบริด 5 รุ่น ซึ่งใช้เทคโนโลยีไฮบริดจาก Toyota รถ Plug-in Hybrid อีก 5 รุ่น และรถยนต์ไฟฟ้าอีก 3 รุ่น ซึ่ง CX-30 EV อาจจะเป็น 1 ในรถไฟฟ้า 3 รุ่นที่ว่า ก็เป็นไปได้