ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ มูฟไปตามใจคิด ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับพรีเมียม ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ฟูลไฮบริดอันทรงพลัง มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ลงตัวในทุกไลฟ์สไตล์ด้วยพลังใหม่ในแบบของคุณ
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมฟูลไฮบริดแฮทช์แบ็ก เปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก
ในโลก ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก ฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชันที่ 5 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของไลน์อัปไฮบริดของฮอนด้า และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของ เดอะ ซิตี้ ซีรีส์ ให้พร้อมตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า โดยผสานการขับขี่ที่สนุกสนานและความอเนกประสงค์อันเป็นเอกลักษณ์สไตล์รถยนต์แฮทช์แบ็ก เข้ากับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งเทคโนโลยี Full Hybrid ระบบขับเคลื่อนSport Hybrid i-MMD อันทรงพลัง และ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ “ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง” (Honda SENSING) ดีไซน์สปอร์ตโดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน ตอกย้ำความสปอร์ตเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์สไตล์ RS รอบคัน เสริมดีเอ็นเอยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และโลโก้ e:HEV ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมเบาะนั่ง อัลตรา ซีท (ULTR) อันเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถปรับพับเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ถึง 4 รูปแบบ
ตอบรับทุกการใช้งาน ครบครันทั้งฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย
ให้คุณมูฟไปข้างหน้าในทุกเส้นทางการใช้ชีวิตอย่างมีพลัง
มูฟอย่างมีสไตล์พร้อมสะกดทุกสายตา
การออกแบบภายนอก
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Energetic Hatchback” ด้วยการดีไซน์เส้นสายเฉียบคมต่อเนื่อง สะท้อนความสปอร์ตและปราดเปรียวด้วยสไตล์ RS รอบคัน ผสมผสานกับเอกลักษณ์ของยนตรกรรมไฮบริดภายใต้ชื่อ อี:เอชอีวี (e:HEV) ด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และ
โลโก้ e:HEV ที่ด้านท้าย พร้อมแนะนำสีใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟกับสีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก)
มาพร้อมกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS กันชนหน้า-หลังสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันและไฟท้ายแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED และไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด
16 นิ้ว แบบรมดำ
การออกแบบภายใน
ภายในห้องโดยสารของ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ยังคงเน้นความเรียบง่าย ทันสมัย แฝงความสวยงามประณีตในรายละเอียด ภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” ควบคู่ไปกับการใช้งานที่ดีเยี่ยม เสริมด้วยการใช้เส้นสายในแนวนอน มอบความรู้สึกโปรงโล่งและความสะดวกสบายในการขับขี่ วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบ Piano Black พื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่กว้างขวาง ภายในหรูหราและสวยงามในโทนสีดำ
มาพร้อมเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยแถบสีแดง รองรับการใช้งานในทุกมูฟเมนต์ด้วยเบาะนั่งอัลตรา ซีท (ULTR) แยกพับ 60:40 ที่ปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของฮอนด้า ได้แก่
- Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง
- Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
- Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง
- Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด
มูฟไปกับพลังเทคโนโลยีการขับเคลื่อนล้ำสมัย
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังแบบ Full Hybrid ระบบSport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมัน
ดีเยี่ยมถึง 27 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 86 กรัม/กิโลเมตร สามารถรองรับน้ำมัน E20
สัมผัสกับเทคโนโลยีระดับพรีเมียม หมดกังวลด้วยค่าบำรุงรักษาระดับซิตี้คาร์ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง* พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์* (Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง (Honda 24hr Roadside Assistance) อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
มูฟไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยการทำงานของกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ที่ช่วยตรวจจับวัตถุบนท้องถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถมากยิ่งขึ้น อันประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
และเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และ ระบบ Auto Brake Hold
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
- ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) สามารถล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อเดินออกห่างจากตัวรถในระยะ 1.5 เมตรขึ้นไป
- ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และ ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi–angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย
ในการถอย
- ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) บนพื้นถนนที่ลื่น
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS)
ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน อาทิ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
- ระบบเครื่องเสียงวิทยุหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
- ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
- ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
- ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
- ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 2 ช่อง
- ช่องจ่ายไฟสำรอง ด้านหน้า 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
- พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว
อีกทั้ง ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก
ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
- My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
- Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และ บันทึกการเดินทาง ที่สามารถเลือกทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นต้น
- WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง
5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง
* ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
- Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือน
ให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น - Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และ แจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
- Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
- Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่
ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย - Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
สี
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) เอกซ์คลูซีฟเฉพาะ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ เท่านั้น สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
ราคา
รุ่น e:HEV RS 849,000 บาท
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/cityhatchbackehev
ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง
เสริมความสปอร์ตพรีเมียมในทุกมูฟเมนต์ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ ชุดป้องกันรอยบริเวณที่เปิดประตู ราคา 1,100 บาท ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง ราคา 5,500 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท คิ้วบันได
สแตนเลส LED ราคา 4,400 บาท แผงครอบกันรอยขอบห้องสัมภาระ ราคา 900 บาท และกล้องวิดีโอ
ติดรถยนต์ ราคา 3,850 บาท
นอกจากนี้ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 2 แพ็กเกจ ได้แก่
- Modulo Aero Sport Package ราคา 21,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และ ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง
- Modulo Aero Package ราคา 16,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และ สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น
ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/line-up/honda-city-hatchback-eHEV
หมายเหตุ
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
- สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท
- สีเทาโซนิค (มุก) และ สีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท