Ford เปิดตัว All-New F-150 Raptor เจนเนอเรชั่นที่ 3 ที่บริษัทเคลมว่า สามารถบุกตะลุยในแบบออฟโรดได้ดีขึ้น รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารได้มากกว่าเดิม และที่สำคัญกว่านั้น ก็คือความสามารถในการแล่นผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้ดีกว่าที่เคยทำได้ ในเจนเนอเรชั่นก่อน โดยในช่วงแรกของการเปิดตัว Ford F-150 Raptor ใหม่ จะมาพร้อมขุมพลังเบนซินทวินเทอร์โบ EcoBoost V6 ความจุ 3.5 ลิตร ที่ Ford ยังไม่เปิดเผยตัวเลขด้านสมรรถนะในขณะนี้ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ การเตรียมเปิดตัวรุ่น Raptor R ทีใช้ขุมพลัง V8 ในปีหน้า 2022
การพัฒนา F-150 Raptor R ขึ้นมา ก็เพื่อนำไปต่อกรกับ RAM 1500 TRX ที่มีพละกำลัง ถึง 702 แรงม้า ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า Ford จะนำเอาขุมพลัง Predator V8 พ่วงซูเปอร์ชาร์จเจอร์ จาก Mustang Shelby GT500 ที่ทรงพลัง ถึง 760 แรงม้า มาติดตั้งไว้ในรถกระบะพันธุ์ดุรุ่นพิเศษนี้ และอาจจะมีการปรับแต่งเล็กน้อย เพื่อความเหมาะสม
กลับมาที่ F-150 Raptor รุ่นมาตรฐาน ดีไซน์ภายนอกของรถกระบะรุ่นนี้ ยังรักษาไว้ซึ่งหน้าตาที่ดุดัน เหมือนเจนเนอเรชั่นก่อน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ มาจากเครื่องบินขับไล่ ที่ทำให้รถรุ่นนี้ ดูมีเอกลักษณ์ และสร้างการรับรู้ได้ในทันทีที่เห็น โดยมาพร้อมการตกแต่งพิเศษ เช่น power dome บนฝากระโปรงหน้า กระจังหน้าสีดำ ไฟหน้าแบบใหม่ กันชนหน้าและหลัง ทำจากเหล็กกล้า ที่ให้ความทนทานสูง โดยกันชนหลัง จะมีการยกระดับให้สูงจากพื้นมากกว่าปกติ มาพร้อมปลายท่อไอเสียคู่ซ้ายและขวา โดยมีอ็อปชั่นเป็นฝาท้ายกระบะแบบพิเศษ ด้วยแถบสีดำขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้รถรุ่นนี้ดูกว้างขึ้นกว่า และไฟส่องสว่างแบบ off-road ที่สามารถติดตั้งบนกันชนหน้าได้
Ford F-150 Raptor เจนเนอเรชั่นนี้ มาพร้อมขุมพลังเบนซินทวินเทอร์โบ EcoBoost V6 ความจุ 3.5 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และตามที่ได้เกริ่นไปตอนต้นว่า Ford ยังไม่เปิดเผยตัวเลขด้านสมรรถนะ ของขุมพลังที่ได้รับการอัพเกรดใหม่นี้ เนื่องจากยังต้องรอการรับรองตัวเลข อย่างเป็นทางการก่อน แต่ก็ได้ยืนยันว่า จะไม่ต่างไปจากตัวเลขเดิม ของเจนเนอเรชั่นก่อนมากนัก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 450 แรงม้า สำหรับกำลังสูงสุด ในขณะที่แรงบิดสูงสุด อยู่ที่ 691 นิวตันเมตร โดย F-150 Raptor ทุกคัน จะมาพร้อมกับดิฟล็อคไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยมีเฟืองท้าย limited slip แบบ Torsen เป็นอ็อปชั่นให้เลือก
Ford เสริมว่า เครื่องยนต์ Ecoboost V6 เจนเนอเรชั่นที่ 3 นี้ จะมาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ที่ได้รับการพัฒนาล่าสุด อัตราส่วนกำลังอัด อยู่ที่ 10.5:1 และพัดลมพลังแรงสูง แบบใหม่ สำหรับระบบระบายความร้อน ระบบท่อไอเสียแบบใหม่หมดยกชุด รูปตัว x ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ V6 รุ่นนี้ ส่งเสียงคำรามออกมา ได้อย่างน่าเกรงขามกว่าเดิม โดยเฉพาะในโหมด Sport และ Baja นอกจากนั้น ถังน้ำมันขนาด 36 แกลลอน ยังช่วยให้ Raptor ตัวใหม่ แล่นไปได้ไกลสูงสุด มากกว่า 500 ไมล์
Ford F-150 Raptor โฉมใหม่ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีต่างๆมากมาย อาทิเช่น ระบบ Terrain Management ที่มี 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ Slippery, Tow หรือ Haul, Sport, Normal, Off Road, Baja และ Rock Crawl โหมดการทำงานเหล่านี้ จะทำการปรับพวงมาลัย การทำงานของ Transfer case การควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบวาล์วไอเสียแปรผัน ระบบแดมปิ้งแปรผัน คันเร่ง และการเปลี่ยนเกียร์ ให้เข้ากับสภาพพื้นที่ที่สัญจรผ่าน ตามความเหมาะสม
ฟีเจอร์ใหม่ ที่จะมีเฉพาะ F-150 Raptor รุ่นนี้ก็คือ ฟีเจอร์ที่เรียกว่า Trail 1-Pedal Drive ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมา เพื่อรับมือกับสถานการณ์ off road ที่สุดขั้ว ในแบบต่างๆ โดยจะช่วยให้ผู้ขับขี่ สามารถเร่งความเร็วและเบรค ได้จากแป้นคันเร่งเพียงจุดเดียว นั่นก็คือ การเหยียบแป้น เพื่อเร่งความเร็ว และผ่อนคันเร่ง เพื่อทำการเบรค ระบบนี้ ยังทำงานร่วมกับระบบ Trail Control ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ทำหน้าเป็นเหมือนระบบ cruise control แต่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในแบบ off-road โดยเฉพาะ โดยมีกล้องช่วยมอง 360 องศา เป็นอ็อปชั่น
และถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของตลาดรถกระบะ F-150 Raptor รุ่นใหม่นี้ จะมาพร้อมยางขนาดใหญ่ 35 หรือ 37 นิ้ว ให้เลือก ซึ่งถือว่าเป็นยางที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่มีการผลิตขึ้นที่โรงงานของค่ายรถยนต์ และถูกนำมาใช้กับรถกระบะขนาด full size แบบ light duty โดยยางขนาด 37 นิ้ว จะให้ระยะจากพื้นถึงใต้ท้องรถ ที่ 13.1 นิ้ว หรือราว 33.3 เซนติเมตร ให้มุมปะทะที่ 33.1 องศา มุมจาก สูงสุด 24.9 องศา และมุมคร่อม ที่ 24.4 องศา ในขณะที่ยางขนาด 35 นิ้ว จะให้ระยะจากพื้นถึงใต้ท้องรถ ลดลงมาเหลือ 12 นิ้ว มุมปะทะ 31 องศา มุมจาก 23.9 องศา และมุมคร่อม 22.7 องศา
แต่ไฮไลต์สำคัญของรถกระบะยักษ์รุ่นนี้ก็คือ โครงสร้างเหล็กความแข็งแรงสูง ที่มีการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจุดต่างๆ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ระบบกันสะเทือนหลังเป็น five link ที่ทำขึ้นมาเพื่อ RAPTOR โดยเฉพาะ มาพร้อมคอยล์สปริง เพื่อการควบคุม และส่งกำลังไปยังพื้นถนนได้ดีขึ้น ช่วยให้ผู้ขับขี่ มั่นใจมากขึ้นในการขับบุกตะลุย ในเส้นทางออฟโรดที่ระดับความเร็วสูง สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ โช้คอัพแบบ internal bypass รุ่น Live Valve จาก Fox ที่มาพร้อมฟีเจอร์ปรับระบบแดมปิ้ง แปรผันตามตำแหน่ง ควบคุมด้วยไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นโช้คอัพขนาดใหญ่ที่สุด ที่มีการติดตั้งใน Raptor
Ford ยังเผยอีกว่า เซนเซอร์ระบบกันสะเทือนแบบใหม่ ที่ติดตั้งรอบคัน จะช่วยให้ผู้ขับขี่ สามารถปรับเปลี่ยนอัตราแดมปิ้งได้อย่างอิสระ ในแต่ละมุมของรถ ที่อัตรา 500 ครั้งต่อวินาที ช่วยให้การตอบสนอง ในขณะเปลี่ยนโหมดการขับขี่ เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
All-New Ford F-150 Raptor เจนเนอเรชั่นใหม่ จะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานของ Ford ในเมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา และจะเริ่มวางจำหน่ายตามโชว์รูมต่างๆทั่วประเทศ ในช่วงซัมเมอร์นี้ ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมทางด้านเทคนิค และราคาจำหน่าย จะมีการเปิดเผยออกมาในภายหลัง โดยรุ่น Raptor R จะมีการเปิดตัวในปีหน้า 2022