เมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้บริหารสูงสุดของ Toyota ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ที่ค่ายรถยนต์ทั่วโลก นำมาใช้สำรองไฟฟ้า ว่าจะสร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม หลังจากนั้น ก็มีการข่าวว่า Toyota เตรียมนำเอาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ แบบ solid state ที่ Toyota กำลังพัฒนาอยู่ มาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า โดยชูจุดขาย ว่ามีขนาดเล็กกว่า ชาร์จไฟได้เร็วกว่า ปลอยภัยกว่า และสามารถจุพลังงานไฟฟ้า ได้มากกว่าแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออน เนื่องจากใช้อิเล็กโตรไลต์ หรือตัวนำไฟฟ้า ที่มีสภาพเป็นของแข็ง ทำให้ประหยัดพื้นที่ มากกว่าอิเล็กโตรไลต์ ที่ใช้ในแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออน ซึ่งเป็นของเหลวหรือเจลโพลิเมอร์ โดย Toyota มีแผนในการเปิดตัวรถไฟฟ้าต้นแบบ ที่ใช้แบตเตอรี่แบบ solid state ในปี 2021
แต่ล่าสุด มีเรื่องที่น่าเซอร์ไพรซ์กว่า เมื่อ Toyota เปิดตัว C+ Pod รถไฟฟ้าขนาดจิ๋ว 2 ที่นั่ง ในประเทศญี่ปุ่น ที่ใช้แบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า เป็นแบบลิเธี่ยมไอออน เทคโนโลยีแบตเตอรี่ ที่้ Toyota เพิ่งออกมาโจมตี เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี่เอง โดยใช้คำโปรยที่ดูจะย้อนแย้ง ในข่าวที่แถลง ว่า เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กมาก หรือ ultra-compact และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Toyota จะผลิต C+ Pod ออกมาจำหน่ายในจำนวนจำกัด โดยเริ่มจำหน่ายแล้ว ในวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ให้กับลูกค้าองค์กร หน่วยงานของรัฐบาลท้องถิ่น หรือองค์กรใดๆ ที่กำลังมองหาทางเลือก ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ โดยคาดว่า จะสามารถจำหน่าย ให้กับลูกค้าบุคคลธรรมดา ได้ภายในปี 2022
Toyota จะจำหน่าย C+ Pod ใน 2 รุ่นย่อย คือรุ่น G และ X ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน ที่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร รหัส 1RM ให้กำลังสูงสุด 9.2 KW หรือ 12.3 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 56 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออน ขนาด 9.06 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยแล่นได้ไกลสูงสุด 150 กิโลเมตร/ชาร์จ โดยใช้เวลาในการชาร์จไฟ จนเต็มความจุแบตเตอรี่ ที่ 5 ชั่วโมง โดยใช้แหล่งจ่ายไฟแบบ single phase ขนาด 200 โวลท์ 16 แอมแปร์ ไปจนถึง 16 ชั่วโมง จากแหล่งจ่ายไฟขนาด 100 โวลต์ 6 แอมแปร์ ส่วนความเร็วสูงสุด อยู่ที่ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Toyota C+ Pod มีความยาว 2,490 มม กว้าง 1,290 มม และสูง 1,550 มม ฐานล้อยาว 1780 มม ระยะจากพื้นถึงใต้ท้องรถ อยู่ที่ 145 มม น้ำหนักรถ อยู่ที่ 690 กิโลกรัม ในรุ่น G ส่วนรุ่น X มีน้ำหนัก 670 กิโลกรัม โดยรุ่น G มีราคาจำหน่าย อยู่ที่ 1,716,000 เยน หรือราว 497,000 บาท ส่วนรุ่น X มีราคาจำหน่าย อยู่ที่ 1,650,000 เยน หรือ 479,000 บาท