ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งของไทยและต่างประเทศ ต่างก็มีการเติบโต ที่เร็วกว่าหลายฝ่ายคาดการณ์เอาไว้ แม้กระทั่งยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ก็เคยมองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ยังจะต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี กว่าที่จะได้รับความนิยม โดยบริษัท จะมุ่งเน้น ไปที่การทำตลาดรถไฮบริด สื่อดังอย่าง Bloomberg เคยรายงานเมื่อ 2-3 ปีก่อนว่า Toyota ติดอันดับบริษัทท้ายๆ ที่ไม่มีแผนในการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ในช่วงปีหลังๆมานี้ ทำให้บริษัทอย่าง Tesla และค่ายรถยนต์สัญชาติจีน มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ากันอย่างขนานใหญ่ ส่งผลในทางอ้อมให้ MG ค่ายรถยนต์จากจีน ใช้ข้อได้เปรียบ จากอัตราภาษีนำเข้า 0% ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-จีน (หรือ FTA) ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย แบบไร้คู่แข่งที่น่ากลัว และเตรียมเปิดตัว MG5 EV อีกหนึ่งรุ่น ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
การขยับตัวของ MG ไม่ใช่เพียงแค่การพยายามสร้างตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาในเมืองไทย จากความได้เปรียบในข้อตกลงทางการค้าเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่ง ก็เป็นการชิงส่วนแบ่งตลาดล่วงหน้า ก่อนที่คู่แข่งที่มีความได้เปรียบในเรื่องเดียวกัน อย่าง Great Wall Motors หรือ Haval Sales Thailand กำลังจะเข้ามาบุกตลาดในปี 2021 อย่างเต็มตัว โดย Haval จะมุ่งเน้นทำตลาด ในรถยนต์ 3 ประเภทด้วยกัน คือรถกระบะปิกอัพ รถอเนกประสงค์หรือ SUV และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหลังจากที่บรรลุข้อตกลง ในการซื้อกิจการต่อจาก General Motors ในเมืองไทย ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเดินสายการผลิตอย่างเต็มตัว ในต้นปีหน้า
การใช้รถยนต์ไฟฟ้านำร่อง ไม่ใช่เป็นเพียงการรีบใช้ความได้เปรียบ ในข้อตกลงทางการค้า เข้าชิงส่วนแบ่งตลาดเท่านั้น แต่การที่มีเพียง MG ที่เป็นค่ายรถยนต์ขนาดใหญ่ ผูกขาดตลาดเพียงรายเดียว ทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับ Haval ในการจำหน่าย และสร้างการรับรู้ให้กับตลาด
อีกทั้งรถยนต์ในไลน์อัพของ ORA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ก็เป็นรถซิตี้คาร์ขนาดเล็ก ที่อาจจะพูดได้ว่า แทบไม่มีตัวเลือกระดับ mass production ในตลาด อยู่ในขณะนี้ และการที่ ORA เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดจิ๋วถึงเล็ก ทำให้ราคาที่จำหน่ายไม่สูงมากนัก เหมาะกับสภาพตลาดในปัจจุบัน ที่มีกำลังซื้อต่ำ และทาง Haval เอง ก็เตรียมใช้กลยุทธ์ในด้านราคา เป็นใบเบิกทางในการทำตลาด อีกทั้งสามารถนำเข้ามาจำหน่ายได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอ การขึ้นสายการผลิตในเมืองไทย ที่ต้องใช้เวลาในการขออนุมัติจากทางภาครัฐ และใช้เวลาในการผลิต การเริ่มบุกตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าก่อน จึงน่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด ในสถานการณ์ปัจจุบัน
และถ้า Haval เริ่มบุกตลาดเมืองไทย ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง ORA โดยเฉพาะการส่ง Good Cat เข้ามาบุกเบิกก่อน เชื่อว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย น่าจะคึกคัก และมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และ Haval อาจจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ ให้กับวงการยานยนต์ของเมืองไทยหลังจากนี้ เพราะค่ายรถยนต์เจ้าตลาดจากญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ยังดูเหมือนจะไม่พร้อมกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเท่าที่ควร เพราะนอกจากการต้องเสียเวลาในการสร้างสายการผลิตแล้ว ต่อให้มีรถยนต์ไฟฟ้าในมืออยู่แล้วที่ต่างประเทศ ก็ยังเสียเปรียบในการนำเข้ามาจำหน่ายอยู่ดี และถ้าหากรถยนต์ไฟฟ้า ได้รับความนิยมมากขึ้นเท่าไร ค่ายรถยนต์ ที่เน้นทำตลาดรถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายใน ก็จะได้รับผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น การขยับตัวของ Great Wall Motors หรือ Haval ในเมืองไทย ในปี 2021 จึงน่าจับตามองเป็นอย่างมาก หลังจากนี้