การเปิดตัวเจนเนเรชั่นล่าสุด ของ Suzuki Jimny ได้รับการตอบรับที่เหนือความคาดหมาย จนถึงทุกวันนี้ ยอดขายในแต่ละเดือน ของทั้ง Jimny รุ่นมาตรฐาน ที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น และ Jimny Sierra ที่ทำตลาดในต่างประเทศ ก็ยังสูงกว่าตัวเลขที่ประมาณการณ์เอาไว้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ Suzuki ประเทศไทย สามารถจำหน่ายรถรุ่นนี้ ในราคาที่สูงลิ่ว ที่ 1 ล้าน 5 แสนกว่าบาท และได้รับการสั่งจอง จนหมดโควต้าไปอย่างรวดเร็ว งานนี้จึงทำให้หลายคน รอลุ้นการประกอบ Jimny ในฐานผลิตสำคัญอย่างอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนทางภาษีได้อย่างมาก จากภาษีนำเข้าที่เป็นศูนย์ และทาง Suzuki อินโดนีเซียเอง ก็แสดงความมุ่งมั่น ในการใช้โรงงานที่มีอยู่แล้ว ในการผลิต Jimny เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน
แต่ข่าวล่าสุดจากอินเดีย ดูจะไม่สู้ดีนัก แม้ว่าก่อนหน้านี้ จะมี่ข่าวว่า Maruti Suzuki ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากอินเดีย ได้รับไฟเขียวจาก Suzuki ในการผลิต Jimny เพื่อป้อนตลาดภายในประเทศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในขณะนั้น การผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ยังไม่มีความชัดเจน แต่จากรายงานข่าวของเว็บไซต์ Times Now News เผยว่า Suzuki จะใช้อินเดีย เป็นฐานการผลิต Jimny รุ่น 5 ประตู เพียงแห่งเดียวของบริษัท
โดยในช่วงแรกของแผน จะมีการนำเข้าชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบรุ่น 3 ประตู ที่โรงงานของ Maruti Suzuki ในประเทศอินเดีย หลังจากนั้น จะใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเป็นหลัก ตั้งแต่ปี 2022-2023 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อราว 6 เดือนก่อน Maruti Suzuki ก็ได้แจ้งซัพพลายเออร์ของบริษัท ให้เตรียมจัดหาชิ้นส่วน สำหรับการผลิต Jimny รุ่น 5 ประตูไปแล้ว
ปัจจุบัน โรงงานของ Suzuki ในประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิต Jimny อยู่ที่ 50,000-55,000 คันต่อปี ซึ่งหากโรงงานในประเทศอินเดีย เริ่มเดินสายการผลิต คาดว่าตัวเลขดังกล่าว จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า การผลิต Jimny ในอินเดีย เป็นแผนในการเพิ่มตัวเลขการส่งออกของบริษัท ให้ได้ถึง 20% ของยอดขายทั้งหมด จากปัจจุบัน ที่มีเพียง 7% เท่านั้น
การตัดสินใจของ Suzuki ในครั้งนี้ ทำให้โอกาสที่ Suzuki อินโดนีเซีย จะเป็นฐานการผลิตของ Jimny แทบจะเหลือศูนย์ ซึ่งแน่นอนว่า ทำให้คนไทย ที่ลุ้นจะให้ราคา Jimny ต่ำลง เลือนลางตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม การผลิต Jimny ในอินเดีย ย่อมทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง เมื่อเทียบการผลิตในญี่ปุ่น ซึ่งถ้าหากมีการนำเข้ามาจำหน่ายในไทยในอนาคต คาดว่าภาษีนำเข้ารถเอสยูวีออฟโรดรุ่นนี้ จะต้องมีอย่างน้อย 30% ขึ้นไป ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า Suzuki ประเทศไทย จะนำเข้ามาจำหน่ายจากอินเดีย ด้วยหรือไม่