ในที่สุด BMW ก็ได้เปิดตัว The All-New 4-Series Coupe เจนเนอเรชั่นที่ 2 อย่างเป็นทางการ พร้อมปฏิวัติภาษาการออกแบบ ด้วยการใช้กระจังหน้ารูปไตคู่ขนาดใหญ่ ที่กินพื้นที่ ลงมาจนถึงกันชนหน้าส่วนล่าง ถือว่าเป็นความกล้า ที่เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ในลักษณะนี้ เพราะอาจจะถูกใจ หรือไม่ถูกใจ คนที่ได้พบเห็น แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือ ความมีเอกลักษณ์ ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมาก และสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย จากระยะไกล
การใช้กระจังหน้าแบบใหม่ ทำให้กันชน ถูกออกแบบให้สอดรับกับเส้นขอบของกระจังหน้า ในขณะที่เบ้าไฟตัดหมอก ก็มีขนาดใหญ่ตามไปด้วยเพื่อความสมดุลย์ ไฟเดย์ไทม์ ยังใช้ลวดลายเดิมๆที่เราคุ้นตากันดี ในขณะที่เส้นคอนทัวร์บนฝากระโปรงหน้า ดูคล้ายกับรุ่น Z4 เจนเนอเรชั่นก่อน
ดีไซน์ของบั้นท้าย อาจจะไม่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น เพราะลวดลายภายในของไฟท้าย ดูคล้ายกับรถรุ่นใหม่ๆของบริษัท โดยเฉพาะรถสปอร์ตรุ่นพี่ อย่าง 8-Series แต่ดิฟฟิวเซอร์ท้าย ที่มาพร้อมปลายท่อไอเสียทั้งซ้ายและขวา ดูจะโดดเด่นมากเป็นพิเศษ จากขนาดที่ใหญ่ และกินพื้นที่มาถึงไฟทับทิม เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยช่องอากาศทั้งสองข้าง ในขณะที่ด้านข้าง ดูสปอร์ตในแบบรถยนต์สไตล์คูเป้ ทั้งนี้ ดีไซน์ของกันชนหน้าและท้าย ลวดลายของล้ออัลลอย ระบบช่วงล่าง ระบบเบรค รวมถึงการตกแต่งในจุดต่างๆ ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยที่เลือกซื้อ
รุ่นย่อยสำคัญ ใน BMW 4-Series โฉมใหม่ ก็คือ รุ่น M440i xDrive ซึ่งเป็นรุ่น M Performance รุ่นแรกสำหรับ 4-Series โดยมาพร้อมขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 374 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด นอกจากนั้น ยังมีรุ่นมายด์ไฮบริด ที่มากับระบบ Starter Generator ขนาด 48 โวลต์ ที่จะช่วยเพิ่มพละกำลัง ขึ้นมาได้อีก 11 แรงม้า
ในช่วงแรกของการทำตลาดที่ยุโรป BMW 4-Series จะมีรุ่นย่อยให้เลือกดังนี้
รุ่น 420i Coupe เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร
รุ่น 430i Coupe เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร
รุ่น M440i xDrive Coupe เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 6 สูบเรียง ความจุ 3.0 ลิตร 374 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
รุ่น 420d Coupe เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร มาพร้อมระบบมายด์ไฮบริด 48 โวลท์ 11 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร
รุ่น 420d xDrive Coupe เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร มาพร้อมระบบมายด์ไฮบริด 48 โวลท์ 11 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร และมาพร้อมระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ BMW xDrive โดยทุกรุ่นย่อย จะมาพร้อมระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด เป็นมาตรฐาน
สำหรับอีก 2 รุ่น ที่จะเริ่มมีการทำตลาด ในเดือนมีนาคมปี 2021 ก็คือ
รุ่น 430d xDrive Coupe เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบเรียง ความจุ 3.0 ลิตร มาพร้อมระบบมายด์ไฮบริด 48 โวลท์ 11 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ ให้กำลังสูงสุด 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร
อีกรุ่นหนึ่งก็คือ M440d xDrive Coupe เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบเรียง ความจุ 3.0 ลิตร มาพร้อมระบบมายด์ไฮบริด 48 โวลท์ 11 แรงม้า โดยเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร
โดยทั้งสองรุ่น จะมาพร้อมระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด เช่นกัน
BMW 4-Series ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม CLAR โดยมีตัวถังที่ใหญ่กว่าเจนเนอเรชั่นก่อนในทุกมิติ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ 3-Series ที่ใช้พื้นฐานร่วมกัน และมีระยะฐานล้อเท่ากันแล้ว 4-Series จะมีความยาวมากกว่า 56 มม กว้างกว่า 25 มม ต่ำกว่า 56 มม โดยความกว้างช่วงล้อหลัง จะมากกว่า 25 มม
BMW 4-Series ใช้ดีไซน์แดชบอร์ดที่เหมือนกับรุ่น 3-Series แต่ก็ถือว่าใหม่ เมื่อเทียบกับโฉมก่อน เบาะนั่งสไตล์สปอร์ต ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ และให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน การบุเบาะที่นั่งด้วยหนังแท้ การเย็บตะเข็บ รวมถึงสีของวัสดุ จะมีให้เลือกเป็นอ็อปชั่น
BMW 4-Series ได้รับการปรับปรุง ให้มีห้องโดยสารภายในที่เงียบขึ้น ด้วยการใช้กระจกหน้ากันเสียงรบกวน ขอบประตูที่มีกาบุด้วยวัสดุกันเสียงที่ดีขึ้น มาพร้อมระบบมาตรวัด BMW Live Cockpit Plus ที่ให้มาเป็นมาตรฐาน โดยหน้าจอ head-up display ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ถูกนำเสนอเป็นอ็อปชั่น และเช่นเดียวกับ 4-Series โฉมก่อน รถรุ่นนี้รองรับผู้โดยสารได้ 4 ที่นั่ง
BMW จะเริ่มจำหน่าย 4-Series Coupe โฉมใหม่ทั่วโลก ในเดือนตุลาคมปี 2020 นี้ โดยรุ่นย่อยอื่นๆ เช่น 4-Series Convertible, 4-Series Gran Coupe, M4 และรุ่นย่อยต่างๆ จะถูกเปิดตัวตามกันมา หลังจากนี้
สำหรับราคาจำหน่ายในอเมริกา จะเริ่มต้นที่ 46,595 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,470,000 บาท ในรุ่น 430i