ถือว่าเป็นข่าวที่ช็อควงการยานยนต์ของไทย ในรอบหลายปีที่ผ่านมาก็ว่าได้ เมื่อ General Motors ประเทศไทย ประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์ในไทย พร้อมขายกิจการโรงงาน ให้กับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน อย่าง Great Wall Motors ซึ่งได้แถลงข่าว การเข้ามาดำเนินธุรกิจในเมืองไทย ไปพร้อมๆกับการลาจาก ของแบรนด์รถยนต์ Chevrolet
การหายไปของผู้เล่นรายเก่า และการมาถึงของผู้เล่นรายใหม่ในครั้งนี้ น่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยไม่น้อย เพราะครั้งหนึ่ง Great Wall เคยประกาศว่า ต้องการเป็นแบรนด์รถกระบะปิกอัพ 1 ใน 3 อันดับแรกของโลก ภายในปี 2025 ด้วยเป้าหมายยอดขาย มากกว่า 3 ล้านคัน และเป้าหมายระยะสั้น ภายในปี 2020 ที่ 2 แสนคัน ซึ่งเป็นการแสดงวิสัยทัศน์เมื่อ 5 เดือนก่อน ที่หลายคนอาจจะมองว่า เป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่พอมาถึงวันนี้ เราได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Great Wall ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ หากลงมือทำ
เราขอนำข้อมูลในการแถลงข่าว ของทางฝั่ง Great Wall ที่มีการเผยแพร่ ในช่วงเช้าของวันนี้ มาให้ชมถึงแผนงานคร่าวๆของบริษัท ดังต่อไปนี้
เกรท วอล มอเตอร์ส และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ประกาศว่า ข้อตกลงการซื้อขายศูนย์การผลิตจีเอ็ม ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง จะสำเร็จลุล่วง หลังจากได้รับการอนุมัติ จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้ข้อตกลงที่ลงนามร่วมกัน จีเอ็ม ประเทศไทย และจีเอ็ม เพาเวอร์เทรน ประเทศไทย ซึ่งหมายรวมถึง ศูนย์การผลิตรถยนต์ และเครื่องยนต์ในจังหวัดระยอง จะถูกโอนกรรมสิทธิ์ ไปเป็นของ เกรท วอล มอเตอร์ส จีเอ็ม และเกรท วอล มอเตอร์ส คาดว่า การซื้อขายและส่งมอบศูนย์การผลิตทั้งสอง จะเสร็จสิ้นในปลายปี 2563
นาย หลิว เซียงชาง รองประธานฝ่ายกลยุทธ์ระดับโลก ของ เกรท วอล มอเตอร์ส กล่าวว่า “ โครงการระดับโลกของเกรท วอล มอเตอร์ส เริ่มเป็นรูปธรรม หลังจากการเริ่มพัฒนามากว่า 10 ปี ในช่วงสองปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลง และการอัพเกรดรูปแบบการส่งออก ของ เกรท วอล มอเตอร์ส ส่งผลให้แผนกลยุทธ์ระดับโลก ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในปี 2562 โรงงานของเกรท วอล มอเตอร์ส ในเมืองตูลา (Tula) ประเทศรัสเซีย ประสบความสำเร็จ ในการเริ่มต้นสายการผลิต และเมื่อต้นปี 2563 บริษัทยังบรรลุข้อตกลงกับจีเอ็ม ในการซื้อโรงงานทาเลกอน (Talegaon) ประเทศอินเดีย
“การเข้าซื้อศูนย์การผลิตของจีเอ็ม ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง จะช่วยพัฒนาธุรกิจของเกรท วอล มอเตอร์ส ในตลาดประเทศไทยและอาเซียน เกรท วอล มอเตอร์ส จะขยายธุรกิจไปทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยมีประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการผลิต และส่งออกผลิตภัณฑ์ ไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประเทศออสเตรเลียด้วย
“ตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน เป็นตลาดที่กำลังพัฒนา มีโอกาสและศักยภาพสูงมาก การเข้าสู่ตลาดประเทศไทย เป็นก้าวแรกของ เกรท วอล มอเตอร์ส ในการเข้าสู่ตลาดอาเซียน และเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ระดับโลกของบริษัท การลงทุนของเกรท วอล มอเตอร์ส จะสร้างงานในท้องถิ่น รวมถึงการจ้างงาน ทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาทักษะ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ นอกจากนี้ บริษัทยังจะส่งเสริม การพัฒนาระบบซัพพลายเชน การวิจัยและพัฒนา และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น ตลอดจนส่งเสริมรายได้ทางการคลัง ให้กับหน่วยงานราชการท้องถิ่น ในจังหวัดระยองและในประเทศไทย”
การที่ข้อตกลง การซื้อขายศูนย์การผลิตจีเอ็ม ประเทศไทย จำเป็นจะต้องได้รับการอนุมัติ จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง นั่นหมายความว่า การยื่นขออนุมัติรถยนต์รุ่นใหม่ ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ นั่นทำให้รถยนต์ ที่จะผลิตขึ้นในเมืองไทย ของ Great Wall ในช่วงแรก จะเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน ในสายการผลิตของ Chevrolet เพราะการผลิตรถยนต์ ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ นอกเหนือไปจาก ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริด จำเป็นจะต้องได้รับการอนุมัติจากทางภาครัฐก่อน ยิ่งทำให้ความเป็นไปได้ ที่เราจะได้เห็นการเปิดตัวรถกระบะปิกอัพ เป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Great Wall ในเมืองไทย เป็นไปได้มากที่สุดในขณะนี้
โดยเฉพาะเงื่อนเวลา ที่ถูกกำหนดไว้ อีกทั้งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตันของไทย และออสเตรเลียรวมกัน ถือว่าน่าจะเป็นส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ใน segment นี้เลยก็ว่าได้ สอดคล้องกับการแถลงข่าวของ Great Wall เมื่อ 5 เดือนก่อน ตามที่เกริ่นไปแล้วข้างต้น นั่นทำให้รถกระบะ Great Wall รุ่น Cannon อาจจะเป็นรถยนต์รุ่นแรก ที่ถูกเปิดตัวในเมืองไทย โดย Great Wall
Great Wall Cannon เป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่มีมิติตัวถังที่ใหญ่เป็นพิเศษ คือ ยาว 5410 มม กว้าง 1934 มม และสูง 1886 มม ฐานล้อยาว 3230 มม มาพร้อมอุปกรณ์และฟีเจอร์ต่างๆครบครัน ทั้งไฟหน้าปรับสูงต่ำอัตโนมัติ ที่มาพร้อมไฟ daytime running light แบบ LED ครอบกระจกมองข้าง ปรับและพับไฟฟ้า มาพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED เช่นกัน ไฟ welcome light บริเวณที่วางเท้า สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกทั้ง 4 บาน สามารถควบคุมการเปิดปิดด้วยปุ่มเดียว เสาอากาศแบบครีบฉลาม โดยรุ่นสูงสุด จะมาพร้อมหลังคาซันรูฟไฟฟ้า
ห้องโดยสารภายในหรูหรา ในแบบรถยนต์นั่ง ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง วัสดุลายไม้ โดยเบาะนั่งทั้งแถวหน้าและหลัง จะมีช่องจ่ายไฟหลายจุด เพื่อความสะดวกของผู้โดยสาร เบาะหลังพับได้ในอัตราส่วน 60:40
สำหรับขุมพลังของ Great Wall Cannon รุ่นนี้ จะเป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมด manual มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
และถ้าหากทุกอย่าง เป็นไปตามสมมติฐานข้างต้น การแข่งขันในตลาดรถกระบะของไทย จะกลับมาดุเดือดอีกครั้ง เพราะรถกระบะแทบจะทุกค่าย จะมาพร้อมรูปโฉมที่มีการปรับเปลี่ยน พร้อมสู้ศึกในปี 2020-2021 การออกไปจากตลาดของ Colorado อาจจะไม่ส่งผลต่อตลาดมากนัก อันเนื่องมาจากส่วนแบ่งตลาดที่น้อย และมีการทำตลาดในโฉมปัจจุบันมานานหลายปี แต่การปรากฏตัว ของรถกระบะใหม่จากจีนรายนี้ ย่อมได้รับความสนใจจากตลาดอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นรถแบรนด์ใหม่จากจีนเท่านั้น แต่การผลิตขึ้นในโรงงาน ที่ครั้งหนึ่งเป็นของ Chevrolet ย่อมทำให้เป็นที่น่าจับตามองมากขึ้น
การบุกตลาดของรถกระบะจากจีน ทำให้ทุกคนอาจจะนึกถึง MG Extender ที่ครั้งหนึ่ง เคยถูกคาดหมายว่า จะเขย่าตลาดรถกระบะปิกอัพในเมืองไทย ได้ไม่มากก็น้อย ด้วยราคาที่ต่ำเป็นพิเศษ แต่ถึงตอนนี้ ก็ปรากฏภาพชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถแจ้งเกิดได้ หากยังทำราคาจำหน่าย ที่ใกล้เคียงกับเจ้าตลาด ซึ่งส่วนหนึ่ง ก็อาจจะเป็นเพราะต้นทุน ที่ไม่สามารถลดลงได้มากกว่านี้ เนื่องจากเป็นการผลิตขึ้นในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สำหรับ Great Wall แล้ว นอกจากจะได้รับประสบการณ์ในทางอ้อม จากความล้มเหลวในการทำตลาดของ MG ในเมืองไทย และการถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ตรงจาก Chevrolet การที่มีแผนการในระดับโลก กับยอดการผลิตจำนวนมหาศาล ทำให้ Great Wall อาจจะได้เปรียบ ในเรื่องต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง หรือ Economies of Scale หากมีการผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งจุดนี้ จะแตกต่างไปจาก MG ที่ต้องพึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลัก
นั่นทำให้ความเป็นไปได้ ที่เราจะได้เห็นการทำตลาดรถกระบะ ที่มาพร้อมราคาที่ต่ำเป็นพิเศษ มีอยู่สูงเลยทีเดียว ในทางกลับกัน เราอาจจะได้เห็นการหายไปของ MG Extender เร็วกว่าที่คาด หากบริษัทยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤต ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้ได้
คุณคิดว่า Great Wall จะสามารถแจ้งเกิดให้กับรถกระบะของตัวเองในเมืองไทย ได้หรือไม่ และ MG Extender จะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ ได้หรือไม่
จะมีการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยไหมคะ