นับจนถึงวันนี้ MG ประเทศไทย ได้ทำตลาดรถกระบะพันธุ์ใหม่อย่าง Extender ในเมืองไทย มาเป็นระยะเวลากว่า 4 เดือนครึ่ง กับยอดขายสะสมใน 3 เดือนแรก ที่ 211 คัน จากเป้ายอดขายทั้งปี ที่ 20,000 คัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 1,667 คัน นั่นหมายว่า ใน 3 เดือนแรก MG ทำยอดขายได้เพียง 4% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นทำให้เราได้เห็นกลยุทธ์ทางการตลาดล่าสุด ที่มีการเปิดตัว presenter คนใหม่ อย่างบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ตามมาด้วยโปรโมชั่นพิเศษ ในงาน Motor Expo 2019 ที่ผ่านมา ที่ค่ายรถยนต์จากจีนรายนี้ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็น่าจะหลุดจากตัวเลขยอดขายระดับ 3 หลักต่อเดือน ไปเป็น 4 หลัก ให้เข้าใกล้เป้าหมายเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ต้น แต่ดูเหมือนว่า ทุกอย่างยังไม่ดีขึ้น
เมื่อล่าสุด รายงานยอดขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2562 โดย Toyota motor ประเทศไทย ระบุว่า MG Extender สามารถทำยอดขายได้เพียง 162 คันเท่านั้น หรือเพียง 373 คัน ตั้งแต่มีการเปิดตัวมา คิดเป็น 0.4% ในเรื่องส่วนแบ่งตลาด
ยอดขายที่มีระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้มากขนาดนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความไม่เชื่อมั่นให้เกิดกับผู้ที่สนใจซื้อรถกระบะเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเนื่อง ไปยังแผนการส่งออกรถรุ่นนี้ ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ตามที่เราได้เคยนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าหากยังปล่อยสถานการณ์ให้ยืดเยื้อต่อไป นอกจากจะไม่เป็นผลดีกับภาพลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์ของบริษัทแล้ว ยังทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในเรื่องของ operating cost ที่ต้องมีการสต็อกสินค้า การดูแลบำรุงรักษารถยนต์ ในขณะที่รอการส่งมอบ ค่าแรงของพนักงาน ทั้งที่โรงงานผลิต และพนักงานที่เกี่ยวข้อง และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่ต้องเสียไปในแต่ละเดือน
จากสถานการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนว่า MG อาจจะต้องงัดไม้ตาย ที่บริษัท ต้องการหลีกเลี่ยงมากที่สุด นั่นก็คือ การลดราคา และก็ต้องเป็นการลดราคา ในระดับที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในตลาดได้ ซึ่งอาจจะต้องถึงระดับ 1 แสนบาทต่อคัน เพื่อสร้างแรงจูงใจ ให้กลุ่มเป้าหมายกล้าเสี่ยง กับของใหม่ที่ตลาดยังรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเสี่ยง เมื่อมีทางเลือกอีกมากมาย ที่น่าสนใจกว่า และการลดราคา ก็เป็นวิธีการที่ง่ายและทำได้ในทันที ต่างจากการปรับโฉม ที่จะต้องใช้เวลา และมีค่าใช้จ่ายในการออกแบบและผลิตชิ้นส่วนใหม่ตามมา แถมเกิดความเสียหาย จากรถที่ยังจำหน่ายไม่ได้อีกด้วย
ส่วนการเพิ่มอ็อปชั่นเข้าไปอีกนั้น ก็อาจจะไม่เหมาะ กับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด และไม่ต้องการใช้ในสิ่งที่พวกเขาเห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็น นั่นทำให้การลดราคา ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกเดียวสำหรับ MG ในขณะนี้ ซึ่งอาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด แต่ก็น่าจะช่วยให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ กระเตื้องขึ้นกว่าเดิม