Mazda ประเทศไทย เปิดตัว Mazda2 ใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 36 โดยมาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ภายใต้การออกแบบ KODO design เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่เรียบหรู และสง่างาม โดยมีไฮไลต์สำคัญดังนี้
- เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร แรงและประหยัดน้ำมัน สูงถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร
- เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ประหยัดน้ำมัน สูงถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร
- เทคโนโลยีควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง (GVC Plus)
- เทคโนโลยีการเชื่อมต่อสื่อสารแบบไร้ขีดจำกัด Mazda Connect มาพร้อม Apple CarPlay
- ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360° View Monitor)
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift
- เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลก i-ACTIVSENSE
- พร้อมยกทัพรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ลุย มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2019
มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ส่ง New Mazda2 ลงสมรภูมิตลาดรถยนต์นั่งซิตี้คาร์ ที่บริษัทเคลมว่า มาพร้อมคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือกว่าในทุกด้าน โดยเฉพาะเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมันสูงสุดในตลาด มาพร้อมกับรูปลักษณ์การออกแบบใหม่ ทั้งภายนอกและภายใน ให้ความหรูหราสง่างาม ภายใต้ KODO design เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งเน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เช่นเดียวกับ All-New Mazda3 ทุกเส้นสายเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความโฉบเฉี่ยว ทรงพลัง โดดเด่นปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตพรีเมียม มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์คลีนดีเซล 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮตช์แบค 5 ประตู ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าตามคอนเซ็ปต์ “ไม่หยุด…แค่ความธรรมดา” วางราคาจำหน่ายเริ่มต้น เพียง 546,000 บาท
วันนี้ มาสด้ากำลังก้าวไปอีกขึ้น เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ด้วยการเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งซิตี้คาร์ ที่มีสมรรถนะสูงสุด และประหยัดน้ำมันมากที่สุดในตลาด
Mazda2 ถือเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสำหรับมาสด้า นับตั้งแต่โฉมแรกที่ทำตลาดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 มียอดขายสะสมมากกว่า 120,000 คัน ต่อเนื่องสู่เจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่เริ่มจำหน่ายเมื่อเดือนมกราคม 2558 ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้มาสด้า ก้าวขึ้นครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่รวมทั้งอีโคคาร์ และซิตี้คาร์ ด้วยยอดขายสะสม สูงกว่า 160,000 คัน และในวันนี้ มาสด้ากำลังจะสร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ด้วยการเปิดตัวแนะนำ New Mazda2 ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีที่สุด และประหยัดน้ำมันสูงที่สุดในตลาด
ดีไซน์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ ตั้งแต่กันชนหน้าและหลัง กระจังหน้า ไฟหน้าและไฟท้าย ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว ส่วนขนาด 15 นิ้ว ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสีเงินเฉดใหม่ ภายในห้องโดยสาร ได้รับการยกระดับความหรูหรา พรีเมียม ด้วยการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง อาทิ แผงคอนโซลหน้า แผงประตูด้านข้าง และเบาะดีไซน์ใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของ SKYACTIV-Vehicle Architecture ที่ช่วยให้การขับขี่ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ
อีกทั้งยังมีระบบควบคุมการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (หรือ GVC Plus) ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ ผู้ขับขี่แก้พวงมาลัยน้อยลง ควบคุมรถง่าย และแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถเข้าโค้ง และออกจากโค้งได้อย่างนุ่มนวล ลดอาการเมื่อยล้าสะสม จากการขับรถทางไกล ของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร New Mazda2 จึงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ให้การตอบสนองดี และขับขี่สนุกที่สุดในคลาส
โดย Mazda2 รุ่นก่อน มี G-Vectoring Control (GVC) ที่ส่งผลให้การตอบสนองของรถยนต์ เกิดความราบรื่น และมีประสิทธิภาพ แต่ New Mazda2 มาพร้อมกับเวอร์ชั่นใหม่ ที่สามารถควบคุมแกนหมุน (Yaw) ผ่านการเบรก ทำให้รถเกิดเสถียรภาพมากขึ้น
ในขณะเข้าโค้ง ระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) จะทำการเบรกเพียงเล็กน้อย ไปที่ล้อด้านนอกโค้ง เมื่อพวงมาลัยหมุนคืนตำแหน่งเดิม ที่จุดกึ่งกลาง เพื่อทำให้รถกลับมาวิ่งในทางตรงได้อีกครั้ง ส่งผลต่อการควบคุมรถที่ดียิ่งขึ้น เพื่อหลบหลีก ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และให้ความมั่นใจ ในการควบคุมรถในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนเลน ด้วยความเร็วสูง และการขับขี่ บนพื้นผิวถนนที่ลื่น
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น และไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED Signature (Daytime Running Lamp) ในรุ่น 1.3 S, 1.3 S LEATHER, 1.3 SP, XD และ XDL
ภายในห้องโดยสาร ถูกออกแบบฟังก์ชั่น และตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ตามคอนเซ็ปต์ HMI (Human-Machine Interface) ช่วยให้ผู้ขับขี่ ไม่ต้องละสายตาจากถนน อาทิ Active Driving Display จอสกรีนใส แสดงข้อมูลการขับขี่ ในระดับสายตาของผู้ขับขี่, Sports Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วคงที่ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ การติดต่อสื่อสารไร้ขีดจำกัด ด้วยระบบ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ ซึ่งถูกจัดวางในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน
เบาะนั่งคู่หน้าได้รับการปรับปรุงให้เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ และลดอาการโยกศีรษะ เพื่อการขับขี่ที่ง่ายขึ้น
โครงสร้างภายใน ได้รับการออกแบบและปรับแต่งใหม่ สปริงภายใน รวมไปถึงทอร์ชั่นสปริง ได้ถูกเปลี่ยนค่า K ซึ่งจะช่วยลดการโยกตัว ของผู้ขับขี่ วัสดุรองรับ อันประกอบไปด้วย การนำโฟมยูรีเทนมาใช้ เพื่อช่วยให้กระดูกเชิงกราน ตั้งตรงในโครงสร้างแบบนี้ ซึ่งจะช่วยให้ง่าย ที่จะคงสภาพดังกล่าวไว้ ทำให้มีความนุ่มสบายในการขับขี่
มีการปรับปรุงในเรื่องการเก็บเสียง โดยการปรับปรุงในครั้งนี้ มีจุดประสงค์ เพื่อเพิ่มระดับความเงียบ ช่วยให้สามารถสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติในทุกที่นั่ง การเพิ่มความหนาของเพดานหลังคา เพิ่มขอบซีลยางที่ประตูด้านหลัง (ในรุ่นแฮทช์แบค) และวัสดุดูดซับแรงสั่นสะเทือน ที่ด้านในของซุ้มล้อหลัง เพื่อปรับปรุงสมรรถนะในการดูดซับ และการป้องกันเสียงรบกวน มาตรการเหล่านี้ จะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก และลดการสะท้อนของเสียง เพื่อส่งมอบห้องโดยสารภายใน ที่เงียบสงบและน่าพึงพอใจ ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ ของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก
New Mazda2 มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ คือ สกายแอคทีฟคลีนดีเซล (หรือ SKYACTIV-D) ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด ถึง 250 นิวตัน-เมตร มาพร้อมเทอร์โบแปรผันอินเตอร์คูลเลอร์ ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมัน ถึง 26.3 กม./ลิตร*
และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน (หรือ SKYACTIV-G) ความจุ 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมัน ถึง 23.3 กม./ลิตร* ซึ่งทั้ง 2 เครื่องยนต์ ล้วนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับมาตรฐานไอเสียยูโร ระดับ 5
- ผลการทดสอบตามมาตรฐานยุโรป UN R101 Combine Mode
เทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ใน New Mazda2 ช่วยเพิ่มความอุ่นใจตลอดการเดินทาง ด้วยการส่งสัญญาณเตือนเมื่อพบความเสี่ยง ที่จะเกิดอุบัติเหตุรอบคัน อาทิ
ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง และเซนเซอร์กะระยะด้านหน้า (ที่บริเวณกึ่งกลางและมุมรถ)
กล้องสี่ตัว ที่ด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังของรถ ช่วยแสดงให้เห็นพื้นที่ โดยรอบตัวรถ บนจอแสดงผลส่วนกลาง ทำงานร่วมกับเซนเซอร์อีกแปดตัว ที่ด้านหน้าและด้านหลัง ที่ตรวจจับสิ่งกีดขวาง และเปิดสัญญาณเตือนเมื่อจำเป็น ระบบจะช่วยผู้ขับขี่ ให้สามารถมองเห็นสิ่งกีดขวาง ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ในจุดอับสายตา และตรวจสอบระยะห่างจากสิ่งกีดขวาง เพิ่มความสะดวก เมื่อต้องถอยเข้า-ออก จากที่จอดรถ และเมื่อเข้าสู่ทางแยกรูปตัว T ที่มีทัศนวิสัยไม่ดี และเมื่อต้องขับขี่ ผ่านการจราจรบนถนนที่แคบ ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน
ในกรณีที่ต้องเข้า-ออกจากที่จอดรถ ตัวอย่างเช่น จอแสดงผลส่วนกลาง จะแสดงมุมมองใกล้ด้านหน้าหรือด้านหลังรถ พร้อมกับมุมมองด้านบนแยกต่างหาก เมื่อผู้ขับขี่ต้องการมุมมองด้านหน้าหรือด้านหลัง กล้องมุมกว้างที่ติดตั้งที่ปลายทั้งสองด้านของตัวรถจะสามารถมองเห็นวิวของถนนได้ถึง 177° สูงสุดถึง 25 เมตร ทั้งสองทิศทาง หลังจากเปิดใช้งานกล้องแล้วผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ทั้งมุมมองที่แตกต่างกัน และดูพร้อมกันได้ ผ่านหน้าจอสัมผัส หรือปุ่ม Center Commander
ระบบเตือน เมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง หรือ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมไฟกระพริบเตือน ขณะขับรถถอยหลัง หากตรวจพบความเสี่ยง ที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ กับรถที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้านหลัง
ระบบเตือน เมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน หรือ ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ช่วยให้ผู้ขับขี่ปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลน โดยระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมไฟกระพริบเตือน หากตรวจพบรถ ในเลนด้านข้าง ที่กำลังแซงขึ้นมาจากทางด้านหลัง และอยู่ในจุดที่ผู้ขับ อาจมองไม่เห็น
New Mazda2 มีรูปแบบตัวถังให้เลือก ทั้งซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบค 5 ประตู และมีให้เลือกทั้งหมด 8 สี ประกอบด้วย สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีน้ำตาล ไททาเนียม แฟลช (Titanium Flash), สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black) และ 3 สีใหม่ ประกอบด้วย สีขาว เซรามิก เมทัลลิค (Ceramic Metallic), สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver) และสีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray) ที่มีเฉพาะรุ่นแฮตช์แบค 5 ประตู
ราคาจำหน่าย New Mazda2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบค 5 ประตู
รุ่น 1.3 E ราคาจำหน่าย 546,000 บาท
รุ่น 1.3 C ราคาจำหน่าย 602,000 บาท
รุ่น 1.3 S ราคาจำหน่าย 627,000 บาท
รุ่น 1.3 S LEATHER ราคาจำหน่าย 648,000 บาท
รุ่น 1.3 SP ราคาจำหน่าย 690,000 บาท
ราคาจำหน่าย New Mazda2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแบบแฮตช์แบค 5 ประตู มีดังนี้
รุ่น XD ราคาจำหน่าย 782,000 บาท
รุ่น XDL ราคาจำหน่าย 799,000 บาท
ภายในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2019 มาสด้ามอบแคมเปญพิเศษส่งท้ายปี Mazda Festive Moment กับอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 6 ปี ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี ทุกรุ่น และโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ Mazda Added Protection สูงสุด 5 ปี โดย New Mazda2 ดอกเบี้ย 1.99% และฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี
All-New Mazda3 ดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี, ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ Mazda Added Protection นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
Mazda CX-3 ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% นานสูงสุด 6 ปี และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี
New Mazda CX-5 ดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี, ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ Mazda Added Protection นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
All-New Mazda CX-8 ดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี, ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และโปรแกรมขยายกการรับประกันคุณภาพ Mazda Added Protection นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
Mazda BT-50 Pro ดาวน์เริ่มต้น 25,000 บาท และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี
Mazda MX-5 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance นาน 1 ปี และโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพ Mazda Added Protection นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร