Nissan เผยโฉม All-New Sentra หรือใช้ชื่อในการทำตลาดว่า Sylphy ในต่างประเทศ รวมถึงไทย ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน LA Auto Show 2019 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ศกนี้
Nissan Sentra หรือ Sylphy เป็นรถยนต์รุ่นที่ขายดีที่สุดของ Nissan ในสหรัฐอเมริกา ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 6 ล้านคัน และเป็นรุ่นสุดท้ายในไลน์อัพของซีดาน ที่มีการปรับโฉม มาใช้ภาษาการออกแบบใหม่ล่าสุดของบริษัท หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาของ Versa หรือ Almera ในบ้านเรา Altima และ Maxima ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา โดย Nissan จะเริ่มจำหน่าย All-New Sentra โฉมใหม่ ในเดือนมกราคมปี 2020 ที่จะถึง
Nissan Sentra ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 8 นี้ ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ ที่มีสัดส่วนและโครงสร้างที่ลงตัวกว่าเดิม โดยมีความสูงน้อยลง 2.2 นิ้ว กว้างกว่าเดิม 2 นิ้ว ทำให้ดูสปอร์ตมากขึ้น มาพร้อมภาษาการออกแบบใหม่ของ Nissan เหมือนรถรุ่นใหม่อื่นๆของบริษัท ด้วยกระจังหน้าแบบ V-Motion ไฟหน้าเป็นแบบ LED projector มาพร้อมไฟ Daytime Running ไฟตัดหมอกหน้า และไฟท้าย ที่เป็นแบบ LED ทั้งหมด หลังคาเป็นแบบลอยตัว เหมือนที่เราเห็นใน Almera ที่เพิ่งเปิดตัวในเมืองไทย เมื่อไม่กี่วันมานี้ นอกจากนั้น ยังมาพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ สีตัวถังภายนอกใหม่ให้เลือก ที่มีสีทูโทนถึง 3 แบบด้วยกัน
ห้องโดยสารภายในของ All-New Sentra ได้รับการออกแบบอย่างประณีต และหรูหรามากขึ้น มอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร มีความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆของตัวรถ เพื่อคุณภาพสูงสุด เพิ่มความหรูหรา ด้วยการใช้วัสดุหนังในส่วนต่างๆ ตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียมสีซาตินโครม พวงมาลัยแบบ d-shaped ที่มีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย เบาะนั่งคู่หน้า มาพร้อมระบบทำความอุ่น ครอบกระจกมองข้าง ก็มาพร้อมระบบทำความอุ่นเช่นกัน ที่ออกแบบมาเพื่อตลาดเมืองหนาวโดยเฉพาะ
ไปจนถึงการติดตั้งเทคโนโลยีอันเลื่องชื่อของ Nissan ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก NASA อย่างเบาะนั่ง แรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์ Zero Gravity ที่ช่วยให้นั่งสบายขึ้น เมื่อต้องขับขี่เป็นเวลานาน และเทคโนโลยีกล้องมองรอบคันอัจฉริยะ Intelligent Around View Monitor ส่วนระบบ infotainment และระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารภายในรถ จะมาพร้อมจอสีแสดงผลกลาง ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ระบบช่วยส่งข้อความแบบ hand free ระบบ Siri Eyes Free และระบบสั่งงานด้วยเสียง Google Assistant โดยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ จะเป็นขนาด 4.2 นิ้ว
และตั้งแต่รุ่น SV ขึ้นไป หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ จะเป็นแบบดิจิตอล ขนาด 7 นิ้วใหม่ล่าสุด มาพร้อมจอสีแสดงผลกลาง ระบบ multi-touch แบบลอยตัวขนาด 8 นิ้ว ที่มาพร้อมระบบ NissanConnect รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto นอกจากนั้น ยังมีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกล รวมถึงระบบช่วยขับขี่ต่างๆ เช่น ระบบ Cruise Control อัจฉริยะ ระบบ Intelligent Around View® Monitor เพื่อความมั่นใจในการขับขี่
โดยในรุ่นย่อย SR จะมาพร้อมสปอยเลอร์ท้ายสไตล์สปอร์ต ครอบกระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว กาบข้างตัวรถ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว กระจังหน้าสีดำ และตกแต่งปลายท่อไอเสีย ด้วยวัสดุสีโครเมี่ยม
Nissan Sentra ใหม่ ยังมาพร้อมขุมพลังใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC ความจุ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 149 แรงม้า มากขึ้น 20% และแรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร มากขึ้น 16% เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อน ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุ 1.8 ลิตร เครื่องยนต์ใหม่นี้ ยังให้อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีกว่าเดิม มาพร้อมระบบส่งกำลัง Xtronic แบบใหม่ สมรรถนะและการขับขี่ ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ด้วยการใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด แบบ dual pinion rack ที่มีใช้ใน Sentra เป็นรุ่นแรก และระบบกันสะเทือนหลังอิสระแบบใหม่ ในขณะที่ระบบกันสะเทือนหน้า จะเป็นแบบ McPherson Strut ที่จับคู่กับโช้คอัพแบบท่อคู่ เพิ่มความมั่นใจสูงสุด ด้วยดิกส์เบรคทั้ง 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน ตั้งแต่รุ่น SV ขึ้นไป
และตอนนี้ ระบบความปลอดภัยขั้นสูงและระบบช่วยขับขี่ต่างๆ ได้ถูกนำมาใส่ในรถซีดานทุกรุ่นของ Nissan แล้ว โดยมีอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆที่น่าสนใจ ทั้งระบบ Nissan Safety Shield 360 และระบบช่วยในการขับขี่ขั้นสูงต่างๆ อาทิ ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ ที่มาพร้อมระบบตราจจับคนเดินถนน ระบบเบรคหลังอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบเตือนจุดอับสายตาด้านข้าง ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบเตือนการเปลี่ยนเลน
นอกจากนั้น ยังมีถุงลมนิรภัย 10 ตำแหน่ง ระบบเตือนประตูหลัง ระบบเตือนการชนรถยนต์คันหน้าอัจฉริยะ ระบบเตือนผู้ขับขี่เมื่อเหนื่อยล้า เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในทุกรุ่นย่อย
Nissan จะจำหน่าย All-New Sentra ในสหรัฐอเมริกา ใน 3 รุ่นย่อย คือ S, SV และ SR โดยจะมีการประกาศราคาจำหน่ายในภายหลัง