ในที่สุด Chevrolet ก็ได้เปิดตัวรถสปอร์ต ที่มีแฟนๆเฝ้ารอมากที่สุดรุ่นหนึ่ง มันคือ Corvette Stingray C8 เจนเนอเรชั่นใหม่ รุ่นปี 2020 ซึ่งความพิเศษอยู่ตรงที่ Chevrolet จะผลิตรุ่นพวงมาลัยขวาออกมาจำหน่ายด้วย ทำให้แฟนๆในตลาดใหม่อีกจำนวนมาก รวมถึงชาวไทย จะได้สัมผัสรถรุ่นนี้อย่างเต็มรูปแบบ โดยที่ไม่มีปัญหาในการใช้งาน เหมือนเจนเนอเรชั่นเดิม ซึ่งเป็นรุ่นพวงมาลัยซ้าย ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่สำคัญก็คือ การออกแบบให้มีการใช้เครื่องยนต์แบบวางกลาง ที่ทำให้เกิดสมดุลย์ที่ดีกับตัวรถ จากเดิมที่เป็นแบบวางหน้า
ในเรื่องของดีไซน์ภายนอก รูปทรงโดยรวม ยังให้ความรู้สึกถึง Corvette เจนเนอเรชั่นก่อน โดยมาพร้อมด้านหน้าที่ดูดุดันมากขึ้น ด้วยเส้นสายบนฝากระโปรง ที่ชี้ลงมาบริเวณกึ่งกลางของกระจังหน้า สอดรับกับกรอบไฟด้านหน้าที่มีลักษณะเรียวแหลม ด้านข้างตัวรถ ความโดดเด่นคงหนีไม่พ้นสกู๊ปดักอากาศด้านข้างรูปแบบใหม่ ที่เน้นให้เห็นชัดมากขึ้น ด้วยวัสดุสีดำรูปบูมเมอแรง ที่ถูกวางในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับที่เห็นในรถสปอร์ตส่วนใหญ่
บั้นท้ายมาพร้อมดีไซน์ใหม่ ติดตั้งสปอยเลอร์บนฝากระโปรงเพิ่มความสปอร์ต โดยเฉพาะไฟท้ายแนวนอน รูปลูกศร ที่หันปลายแหลมออกด้านข้าง จากเดิมที่เป็นรูปตัว L โดยเน้นลวดลายภายใน ที่ทำให้ดูสะดุดตามากขึ้น มาพร้อมช่องอากาศด้านล่าง ที่ทำให้รถรุ่นนี้ ดูมีเอกลักษณ์ และสังเกตได้ง่ายจากด้านหลัง ในส่วนของดิฟฟิวเซอร์ท้ายสีดำ มาพร้อมท่อไอเสียคู่ ทั้งซ้ายและขวา จากเดิมที่เป็นแบบวงกลม 4 วง ที่ถูกนำมารวมเรียงกัน ไว้ตรงกึ่งกลาง
ในส่วนของหลังคาซึ่งสามารถถอดออกได้ จะเป็นแบบ Double Bubble ที่เป็นเหลี่ยมสัน คล้ายกับรุ่นก่อน แต่เป็นสีเดียวกับตัวถัง โดยมีไฮไลต์ คือการใช้ฝาปิดเครื่องยนต์แบบใส ที่แสดงให้เห็นเครื่องยนต์ V8 ภายใน โดยด้านบนของกระจกติดกับหลังคาจะมีกล้องซ่อนอยู่ ที่จะส่งภาพวิดีโอ กลับเข้าไปสู่จอแสดงผลที่ห้องโดยสารภายใน
และการที่รถมีระดับ ground clearance หรือระดับจากพื้นถึงใต้ท้องรถที่ต่ำ Chevrolet จึงได้ติดตั้งระบบกันสะเทือนหน้า ที่สามารถยกตัวได้ถึง 40 มิลลิเมตร ในเวลาเพียง 2.8 วินาที ในขณะที่รถแล่นในระดับความเร็ว 39 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่น่าสนใจก็คือ ระบบนี้สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการทำงานร่วมกับระบบ GPS ของรถ
Corvette เป็นรถสปอร์ตแบบ 2 ที่นั่ง มาพร้อมห้องโดยสารภายในสไตล์รถแข่ง ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียม พวงมาลัยเป็นแบบตัดบนและล่าง ทรงสี่เหลี่ยม เพื่อมุมมองสู่หน้าปัดเรือนไมล์แบบดิจิตอลขนาด 12 นิ้ว ที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยบนพวงมาลัย จะมีปุ่มตัวอักษร Z สำหรับการปรับค่าสมรรถนะของรถ
ระบบ infotainment ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้มีการตอบสนองและใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม แต่ Chevrolet ไม่ระบุถึงขนาดของจอแสดงผล นอกจากนั้น ยังมีเทคโนโลยี voice recognition หรือสั่งงานด้วยเสียง มีที่ชาร์จไฟโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย รวมถึงเทคโนโลยี NFC เพื่อการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ เข้ากับตัวรถ
Corvette C8 ยังมาพร้อมระบบเครื่องเสียงจาก Bose พร้อมลำโพง 10 ตัว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่สามารถอัพเกรดเป็นแบบ 14 ลำโพง ที่มาพร้อมหน้ากาก ทำจากสเตนเลสได้ นอกจากนั้น ยังมีอ็อปชั่นต่างๆ เช่นพวงมาลัย พร้อมระบบทำความอุ่นแบบใหม่ ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง ระบบบันทึกข้อมูลด้านสมรรถนะ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
ห้องโดยสารภายใน ยังสามารถเลือกรูปแบบได้หลากหลาย โดยมี 3 รูปแบบเบาะนั่ง 6 สีภายใน ทั้งสีดำ Jet Black, สีเทา Sky Cool Gray, สีแดง Adrenaline Red, สีน้ำตาล Natural / Natural Dipped, สีทูโทน น้ำเงิน-แดง Two-Tone Blue and Morello Red และมีสีเข็มขัดนิรภัยถึง 6 สีด้วยกัน
Corvette C8 รุ่นมาตรฐาน จะมาพร้อมเบาะนั่ง GT1 เป็นเบาะมาตรฐาน ที่หุ้มด้วยหนังแท้ Mulan ที่ให้ความสมดุลระหว่างการรองรับสรีระ และความนุ่มสบายไปพร้อมๆกัน ในขณะที่เบาะนั่งรุ่น GT2 จะเป็นสไตล์เรซซิ่ง ที่หุ้มด้วยหนังแท้ Nappa และ Mulan ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ โดยมาพร้อมพนักพิงหลังสีดำ เจาะรูระบายอากาศ พร้อมระบบทำความอุ่น และเบาะนั่งรุ่นสุดท้ายก็คือ รุ่น Competition Sport ที่หุ้มด้วยหนังแท้ Nappa ดีไซน์สปอร์ตดุดัน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อเกราะกันกระสุน มาพร้อมระบบทำความอุ่น เจาะรูระบายอากาศ พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นเดียวกับรุ่น GT2
ขุมพลังของ Corvette C8 เป็นเครื่องยนต์ V8 LT2 ความจุ 6.2 ลิตร วางกลาง รุ่นใหม่ ที่รีดกำลังได้สูงสุด 490 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร โดยมีอ็อปชั่นเป็นชุดแต่งสมรรถนะ Z51 Performance Package ที่เพิ่มตัวเลขด้านสมรรถนะขึ้นมาอีกเล็กน้อย คือให้กำลังสูงสุด 495 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 637 นิวตันเมตร และถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับขาซิ่ง คือ Corvette C8 จะไม่มีรุ่นเกียร์ธรรมดามาให้ แต่จะมีเพียงรุ่นเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 8 สปีด ที่ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลัง มาให้เป็นทางเลือกเดียว
Chevrolet ยังไม่เปิดเผยตัวเลขด้านสมรรถนะที่แน่นอน เพียงแต่บอกใบ้ว่า Corvette C8 สามารถทำความเร็วจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที ซึ่งถือว่าน่าประทับใจ เพราะ Corvette ZR1 รุ่นปี 2019 ซึ่งมีม้าถึง 755 ตัว แรงบิดสูงสุด 969 นิวตันเมตร สามารถทำเวลาในภารกิจเดียวกัน ได้ที่ 2.85 วินาที
มีความพยายามจากทีมงานออกแบบของ Chevrolet ที่จะทำให้รถยนต์รุ่นนี้ มีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยการใช้ชิ้นส่วนที่ทำจากอลูมิเนียม และคาร์บอนไฟเบอร์ในส่วนต่างๆ เช่น โครงกันชนหลัง โดยพื้นที่จุสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้าและหลัง รวมถึงแดชบอร์ด ถูกหล่อขึ้นด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ซึ่งทำมาจากไฟเบอร์กลาส และเรซินที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ถึงขนาดที่ Chevrolet อ้างว่า วัสดุเหล่านี้สามารถลอยน้ำได้
นอกจากน้ำหนักที่เบาของตัวรถแล้ว Chevrolet ยังให้ความสำคัญกับเรื่องความคล่องตัวในการขับขี่ ซึ่งถือว่าดีกว่ารุ่นก่อน ด้วยการใช้ระบบกันสะเทือน และระบบควบคุมการหักเลี้ยว ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยล้ออัลลอยเป็นขนาด 19 และ 20 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Michelin Pilot Sport ALS มาพร้อมระบบห้ามล้อจาก Brembo ที่ใช้ดิสก์เบรกขนาด 321 และ 339 มิลลิเมตร สำหรับล้อหน้าและหลัง ตามลำดับ
สำหรับชุดแต่งสมรรถนะ Z51 จะประกอบด้วยระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตมากขึ้น ระบบหล่อเย็นใหม่ ระบบไอเสียสมรรถนะสูง มาพร้อมยาง Michelin Pilot Sport 4S ที่ยึดเกาะพื้นผิวถนนได้ดีขึ้น โดยมีคาลิปเปอร์เบรค Z51 ที่ใช้ดิสก์เบกขนาดใหญ่ขึ้น คือ 345 และ 350 มิลลิเมตร สำหรับล้อหน้าและหลัง ตามลำดับ
โดยรถสปอร์ตรุ่นนี้ จะมีการผลิตขึ้นที่โรงงาน Bowling Green ในรัฐเคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา โดย Chevrolet ยืนยันในเรื่องของราคาว่า จะต่ำกว่า 60,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,850,000 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่ารถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง อย่าง Ford GT ถึงเกือบ 4 แสนเหรียญสหรัฐ
Chevrolet ยังมีแผนเปิดตัว Corvette C8 เวอร์ชั่นไฮบริดและ plug-in hybrid ในอนาคต และกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ ในการผลิตเวอร์ชั่นไฟฟ้า 100% ออกมาจำหน่ายด้วยเช่นกัน และคาดว่าจะมีตัวถังในแบบ Convertible หรือเปิดประทุนออกมาจำหน่าย ในเร็ววันนี้