2025 Mazda 6e

จ่อเปิดตัว EV ใหม่ในไทย 2025 MAZDA 6e + ทุ่มเงินอีก 5 พันล้านบาท เล็งเปิดตัว 5 รุ่นใหม่ใน 3 ปี

MAZDA ยังแข็งแกร่งในตลาดเมืองไทย ประกาศทุ่มเงินลงทุน อีกกว่า 5,000 ล้านบาท ผลักดันโรงงานรถยนต์ในไทย ขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิต และพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ และยังมีแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคอมแพ็คเอสยูวี 100,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปทั่วโลก พร้อมเตรียมเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 5 รุ่น ภายใน 3 ปี ประเดิมด้วยซีดานไฟฟ้าขนาดกลาง Mazda 6e ในปี 2025 นี้ ที่ชมก่อนใครได้อย่างเต็มตา ในคลิปนี้

มาสด้าประกาศแนวทางการดำเนินธุรกิจครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นในประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ดีลเลอร์ และพันธมิตรทางธุรกิจ นำทัพโดย มร. มาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญสุดในรอบทศวรรษ เพื่อเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อการก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้ธีม The Future, Crafted by the Joy of Driving ชูวิสัยทัศน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ล่าสุด เพื่อส่งมอบความสุขในการขับขี่ตามแนวทาง Multi-solution ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ควบคู่กับแผนเปิดตัวรถยนต์ใหม่ 5 รุ่น ภายใน 3 ปี เชื่อมั่นระบบเศรษฐกิจและศักยภาพของประเทศไทยประกาศทุ่มเงินลงทุนอีกกว่า 5,000 ล้านบาท ผลักดันโรงงานผลิตรถยนต์ในไทย ขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตและพัฒนารถยนต์ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ หรือ xEVs นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านไปยังรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคต โดยจะทำการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคอมแพ็คเอสยูวี 100,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก

ผู้บริหาร มาสด้า กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์รอบด้านจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่มาสด้า ยังคงยึดมั่นในแนวทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง นั่นคือการพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง เพื่อมอบความสุขในการขับขี่ และการใช้ชีวิตทุกด้านให้กับลูกค้าทุกคน เพราะมาสด้าเป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นจากเมืองฮิโรชิมาซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ เราจึงต้องการมอบความสุข สร้างรอยยิ้ม และช่วยยกระดับความเป็นอยู่ให้กับผู้คนในสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานสำคัญ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการดำเนินธุรกิจของเรา แม้ว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของพลังงานไฟฟ้าก็ตาม

ภาพรวมมาสด้าทั่วโลก เพื่อก้าวสู่ยุคพลังงานไฟฟ้า ด้วยแนวทาง Multi-solution และ Intentional Follower

ภาพรวมของมาสด้าทั่วโลก เป้าหมายของเราคือการนำเสนอรถยนต์ที่มาพร้อมพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ภายในปี พ.ศ. 2030 รวมถึงรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่มาพร้อมพลังงานไฟฟ้า มาสด้าคาดว่ายอดจำหน่ายของรถ BEVs อยู่ที่ประมาณ 25-40% ของยอดจำหน่ายทั่วโลก ซึ่งมาสด้ากำลังเดินหน้าตามแนวทาง Multi-Solution Strategy เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ควบคู่กับการใช้แนวทาง Intentional Follower Approach โดยทำการศึกษาตลาดอย่างใกล้ชิด และรับฟังข้อคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ดีที่สุด คาดว่าภายในปี พ.ศ. 2030 มาสด้าจะมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รถยนต์ ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นองค์ประกอบในการขับเคลื่อน 100% ของยอดจำหน่ายรวมทั้งหมด แต่ในระหว่างนี้ เรากำลังเดินหน้าตามแผนพัฒนา xEVs ประกอบด้วยแผนกลยุทธ์ 3 เฟส ประกอบด้วย เฟสที่ 1 เป็นการเตรียมความพร้อม เฟสที่ 2 การเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจาก HEV, PHEV และ BEV จนถึงเฟสที่ 3 เป็นการแนะนำรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ

มาสด้าพร้อมเดินหน้าส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ตามแนวทาง Multi-solution ซึ่งรวมถึง MHEVs, HEVs, PHEVs, BEVs, R-EVs และรถยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อให้ลูกค้า มีทางเลือกของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และตรงกับความต้องการมากที่สุด เราเชื่อว่าแนวทางนี้ จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วที่สุด

แผนกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในไทย

สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดหลักที่สำคัญอันดับต้นๆ มาสด้าตระหนักถึงกระแสตอบรับที่ดี และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มาสด้าจึงเร่งแผน ในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าให้เร็วขึ้น เพื่อตอบสนองกับความต้องการของลูกค้า โดยวางแผนในการแนะนำรถไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นไปตามกลยุทธ์ 3 เฟส เช่นเดียวกัน ซึ่งเฟส 2 จะเป็นการนำเสนอรถพลังงานไฟฟ้าในไทย โดยมาสด้าจะทำการเปิดตัวและแนะนำเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้ง BEV, PHEV, HEV ระหว่างปี พ.ศ. 2025 – 2027 โดยเริ่มจากการเปิดตัวแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่น Mazda6e ในปีนี้ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมาสด้าและ Changan Automobile ที่เพิ่งเปิดตัวในยุโรปที่งาน Brussels Motor Show 2025 เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา Mazda 6e เป็นซีดานขนาดกลางระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่ ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม EPA 1 เช่นเดียวกับ รุ่น Deepal L07 ของ Changan มาพร้อมระบบขับขี่และฟังค์ชั่นอัจฉริยะต่างๆ ระบบลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ รวมถึงห้องโดยสารอัจฉริยะที่สามารถทำการสั่งการควบคุม ผ่านเสียง ท่าทาง และการสัมผัส ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง Mazda 6e มีมิติตัวถังดังนี้ ยาว 4,921 มม กว้าง 1,890 มม และ สูง 1,491 มม ที่วัดรวมสายอากาศบนหลังคาไปด้วย ฐานล้อยาว 2,895 มม ใหญ่กว่า TOYOTA Camry เล็กน้อย มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 68.8และ 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 479 และ 552 กิโลเมตร และด้วยการที่เป็นซีดานขนาดกลาง ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าจากค่ายเก่าแก่จากญี่ปุ่น จึงทำให้ Mazda 6e เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าจับตาในเมืองไทย ที่คนไทยมีลุ้นได้เห็นในงาน BANGKOK MOTOR SHOW 2025 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

Mazda เตรียมสร้างไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า คอมแพ็คเอสยูวี ของบริษัท ตั้งเป้าการผลิต 100,000 คันต่อปี

มร. มาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหาร & ซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงแผนธุรกิจว่า มาสด้าในประเทศไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่า 70 ปี ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ มาสด้า เซลส์ และผู้จำหน่ายมาสด้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรงงานผลิตรถยนต์ที่จังหวัดระยอง AutoAlliance (AAT) ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1995 ทำการผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ Mazda Powertrain Manufacturing Thailand (MPMT) ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2015 ทั้งสองโรงงานนี้คือรากฐานสำคัญที่ส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์มาสด้าและชิ้นส่วน เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก วันนี้ มาสด้าได้เตรียมความพร้อมไปอีกขั้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญในการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า xEVs ด้วยการเพิ่มเงินลงทุนเป็นจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าคอมแพ็คเอสยูวี โดยมุ่งเน้นไปที่การประกอบรถยนต์ การผลิตเครื่องยนต์ เกียร์ และแบตเตอรี่ พร้อมวางเป้ากำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คันต่อปี นี่คือจุดเริ่มต้นและก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ต่อการลงทุนเพิ่มเติมสำหรับประเทศไทยเพื่อผลิตรถพลังงานไฟฟ้าของมาสด้าและเป็นก้าวสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ไม่เพียงเท่านี้ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่สุด รวมทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการประกอบรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามายังประเทศไทย ควบคู่กับการพัฒนาทักษะช่างฝีมือประกอบรถยนต์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทยจะเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับมาสด้าทั่วโลก และพร้อมสำหรับการเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า xEVs ในอนาคตอันใกล้นี้ต่อไป

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหาร & ซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเกี่ยวกับทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจมาสด้าในประเทศไทยว่า สำหรับประเทศไทยนั้น มาสด้ามุ่งมั่นที่จะปฏิรูปการเปลี่ยนแปลง ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จไปพร้อมกันทั้งองค์กร ตามแนวทาง Management Policy ประกอบด้วย ผู้จำหน่าย พนักงาน และที่สำคัญสูงสุด คือ ลูกค้า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer-Centric) สำหรับการเปลี่ยนแปลงของมาสด้าที่กำลังจะเกิดขึ้น แบ่งออกเป็น 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

กลยุทธ์ที่ 1: การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรด้วย “ผู้คน”

กลยุทธ์ที่ 2: ยกระดับการบริการและการสื่อสารกับลูกค้า ด้วยข้อมูลเชิงลึก

กลยุทธ์ที่ 3: การสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาสด้ามีผู้จำหน่ายทั้งหมด 19 โชว์รูม สามารถรองรับลูกค้าที่มาเข้ารับการบริการ ได้ถึง 250,000 รายต่อปี หรือมากกว่า 20,000 คันต่อปี ซึ่งเพียงพอกับลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในส่วนต่างจังหวัด มาสด้ากำลังเพิ่มศักยภาพของผู้จำหน่ายที่มีอยู่ทั้งหมด 65 แห่ง ให้พร้อมรองรับต่อความต้องการของลูกค้า ที่จะเข้ามารับบริการ ด้วยกลยุทธ์ PMA ใหม่ ที่กำหนดขอบเขตให้ผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพสูง มีพื้นที่ในการดูแลลูกค้าเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน สามารถรองรับปริมาณงานซ่อม ได้สูงสุด 450,000 คันต่อปี หรือมากกว่า 37,000 คันต่อเดือน สำหรับภาพรวมทั่วประเทศ ปัจจุบันเรามีลูกค้า 250,000 คัน ที่อยู่ในระบบของเรา ซึ่งเครือข่ายผู้จำหน่ายของเราทั้งหมด 84 โชว์รูม สามารถส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ เรายังนำ Mazda BASICS มาใช้ เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้จำหน่าย สามารถส่งมอบงานด้านการขายและการบริการ ที่มีมาตรฐานสูงสุดได้

มาสด้ากำลังเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ Multi-solution โดยจะทำการเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ ถึง 5 รุ่น ระหว่างปี พ.ศ. 2025 – 2027 เพื่อสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BEV 2 รุ่น รถ PHEV 1 รุ่น และรถ HEV 2 รุ่น โดยรุ่นแรกที่ลูกค้าได้สัมผัสในเร็ว ๆ นี้ คือ รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่น Mazda6e

“มาสด้ายังคงเดินหน้าผลักดันการผลิตที่โรงงานในประเทศไทย ทั้งที่โรงงาน AAT และ MPMT เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากโรงงานทั้งสองแห่ง และสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคอมแพ็คเอสยูวี ทั้งการจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศทั่วโลก โดยโรงงานผลิตทั้งสองแห่งมีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าระดับโลก นี่คือรากฐานที่มั่นคงที่จะช่วยเสริมสร้างให้ประเทศไทย มีความพร้อม ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน และเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการผลิตรถ xEVs ในอนาคต

ทั้งหมดนี้ คือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมาสด้าทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ที่ทางมาสด้าออกมาประกาศเดินหน้าเต็มขุมกำลัง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งสำคัญสุดของมาสด้าในการผลิตและส่งออก เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งพนักงาน ผู้จำหน่าย โดยเฉพาะลูกค้าชาวไทย เพราะลูกค้าคือหัวใจสำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจของมาสด้า ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา ซึ่งเราจะดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและมั่นคงกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสุขและการใช้ชีวิต เพื่อให้แบรนด์มาสด้าเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ไปพร้อมๆกับการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย” นายธีร์ กล่าว