Toyota HiLux เจเนอเรชั่นใหม่ มีกำหนดเปิดตัวในโชว์รูมทั่วโลกในปี 2026 ซึ่งช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ 1 ปี ตามรายงานล่าสุดโดยสื่อยานยนต์จากประเทศบราซิล
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ารถรุ่นนี้จะไม่ใช่รถรุ่นใหม่งหมดทั้งคันแบบ All-New ซึ่งขัดแย้งกับการคาดเดาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และจะยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 2.8 ลิตร ต่อไป
หากรายงานจากเว็บไซต์ Autoesporte ของบราซิล ถูกต้อง แพลตฟอร์มที่พัฒนาจากของเดิมจะทำให้HiLux ใหม่ ต้องออกสู่สนามรบในแบบที่มีข้อจำกัด เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่สดใหม่กว่าจาก Ford , Mitsubishi , Nissan และ Kia
ตามการรายงานของสื่อดังกล่าว ระบุว่า HiLux เจนเนอเรชั่นต่อไป มีกำหนดเปิดตัวในปี 2026 โดยอ้างเอกสารภายในที่ได้เห็น ซึ่งรวมถึงใบเสนอราคาอุปกรณ์และส่วนประกอบที่ Toyota ส่งไปยังซัพพลายเออร์ในอเมริกาใต้ ของโรงงานในประเทศอาร์เจนตินา
ยังมีรายงานอีก ว่าจะมีการเปิดตัว Fortunerรุ่นใหม่ ที่จะขายในอเมริกาใต้ในชื่อ SW4
Autoesporte อ้างว่ารถกระบะรุ่นใหม่จะมาพร้อมกับ “การเปลี่ยนแปลงอย่างทั่วถึงในด้านการออกแบบ”
แต่นั่นตรงกันข้ามกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ที่มีการระบุว่า HiLux ปี 2026 จะใช้พื้นฐานของรถกระบะรุ่นปัจจุบันที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ที่เรียกว่า IMV ไม่ใช่สถาปัตยกรรมแบบ ladder frame ที่เรียกว่า TNGA-F ระดับโลกรุ่นใหม่ของ Toyota ที่ใช้ในรถรุ่นTundra , Prado , LandCruiser 300 Series และรุ่นอื่นๆ
มันจึงเป็นเหตุผลที่อาจอธิบายได้ว่า ทำไม Toyota จึงลงทุนมหาศาลในการอัพเกรด HiLux รุ่นปัจจุบัน ด้วย Rogue รุ่น ‘wild track’ เมื่อสองปีก่อน ซึ่งมีฐานล้อที่กว้างขึ้นอย่างมาก ใช้เบรกหลังแบบดิสก์เบรก และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในส่วนของช่วงล่าง
การอัปเกรดครั้งใหญ่แบบนี้ ถือว่าหายากสำหรับรถยนต์ที่ผ่านจุดกึ่งกลางของวงจรชีวิตมาแล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าการอัปเกรดเหล่านี้อาจเป็นการวางรากฐานสำหรับHilux เจเนอเรชันถัดไป
Autoesporte กล่าวว่า HiLux ปี 2026 จะมีการ “อัปเดตตัวถังและโครงรถอย่างมีนัยสำคัญ” แต่ไม่ได้ระบุการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
การใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่อาจช่วยลดต้นทุนได้ เนื่องจากเฟรม TNGA-F ในรุ่นออฟโรดใหม่ๆ ของ Toyota ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับ LandCruiser ขนาด full size และอาจไม่เหมาะกับ HiLux ในฐานะรถกระบะราคาประหยัดในเอเชียและอเมริกาใต้
ตัวแทนจำหน่ายในบราซิล อ้างว่าHilux เจเนอเรชั่นใหม่จะเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี มายด์ไฮบริด48 โวลต์ในตลาดอเมริกาใต้ ซึ่งมีอยู่ในเวอร์ชั่นออสเตรเลียและไทยอยู่แล้ว โดยประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด11 กิโลวัตต์ 1 ตัว แบตเตอรี่ ขนาด 0.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบ stop-start เพื่อช่วยเพิ่มกำลังเล็กน้อย และประหยัดน้ำมัน จากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ความจุ 2.8 ลิตร ซึ่งชี้ให้เห็นว่า จะยังคงมีกำลัง 201 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
สื่อดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงตัวเลือกอย่างเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 ที่จะมาแข่งขันกับ Ford Ranger และ Volkswagen Amarok ซึ่งการติดตั้งเครื่องยนต์รุ่นดังกล่าวอาจมีข้อจำกัดเนื่องมาจากส่วนประกอบพื้นฐานเดิมที่ถูกนำมาใช้
ยังต้องรอดูกันต่อไปว่า เครื่องยนต์ดีเซลจะได้รับการอัพเกรดให้เป็นรุ่นใหม่หรือไม่ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าให้ได้กำลังเทียบเท่ากับ 221 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรเหมือนในรุ่น GR Sport รุ่นปัจจุบัน
โตโยต้าอาจก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวรถกระบะรุ่น ‘ไฮบริดเต็มรูปแบบ’ ซึ่งต่างจากรุ่นมายด์ไฮบริด ตรงที่สามารถขับเคลื่อนรถยนต์ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้
รายงานก่อนหน้านี้โดย Autoesporte ได้เผยแพร่คำพูดของวิศวกรคนหนึ่งของ Toyota ที่อ้างว่าระบบมายด์ไฮบริด “จะมีราคาแพงเกินไป เมื่อเทียบกับการเพิ่มสมรรถนะขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย แต่รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ของญี่ปุ่นรายนี้ ได้กลับคำพูดของตัวเองแล้ว
“ในเดือนกันยายนหรือตุลาคม เราจะเริ่มเตรียมการออกแบบขั้นสุดท้ายและปรึกษาหารือกับซัพพลายเออร์” เว็บไซต์ดังกล่าวอ้างคำพูดของ Javier Luzzi วิศวกรของ Toyota ที่กล่าวไว้ในช่วงต้นปี 2023
Autoesporte อ้างว่า HiLux เจนเนอเรชั่นต่อไป จะยังสืบต่อเทคโนโลยีใหม่ต่างๆในตลาดอเมริกาใต้ ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบช่วยอ่านป้ายจราจร และระบบไฟสูงอัตโนมัติ แม้ว่าคุณสมบัติเหล่านี้หลายอย่าง จะมีใช้งานในประเทศต่างๆแถบนั้นแล้วก็ตาม
มีรายงานว่า HiLux จะยังคงผลิตต่อในประเทศอาร์เจนตินาสำหรับภูมิภาคอเมริกาใต้ ซึ่งเว็บไซต์ระบุว่าเป็น ‘ศูนย์กลางการพัฒนา’ หนึ่งในสองแห่ง ร่วมกับแอฟริกาใต้ สำหรับ Hilux รุ่นใหม่นี้
อย่างไรก็ตาม มีการระบุว่าประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตป้อนตลาดออสเตรเลีย จะให้ความช่วยเหลือในการพัฒนา และการเปิดตัวในละตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชีย “จะเกิดขึ้นในเวลาพร้อมกัน”
การเปิดตัว Toyota HiLux ใหม่ ที่มาพร้อมกับพื้นฐานที่คุ้นเคย จะเกิดขึ้นท่ามกลาง กระแสรถกระบะคู่แข่งที่ได้รับปรับปรุงใหม่อย่างมากมายหรือไม่อย่างนั้นก็จะเป็นรุ่นใหม่หมดทั้งคัน
การนำเสนอของสื่อบราซิล อาจจะดูขัดแย้งกับข้อมูลที่มีการนำเสนอมาก่อนหน้านี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า หาก Toyota ยังไม่ทำการปรับโฉมและแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด นั่นจะเป็นการเฝ้ารอดูการเปลี่ยนแปลงของตลาด ที่เริ่มมีคู่แข่งจากจีน ที่นำเสนอทางเลือกใหม่ที่เป็นรถกระบะไฟฟ้าแบตเตอรี่ก่อนหรือไม่ เพราะ Hilux ระบบขับเคลื่อนแบบดั้งเดิม ก็ยังขายได้ดีอยู่ อีกอย่าง การนำเสนอ Hilux ระบบไฮบริดเต็มรูปแบบที่สามารถใช้พื้นฐานจากเจนเนอเรชั่นปัจจุบันได้ ก็อาจจะสามารถสร้างตลาดขึ้นมาใหม่ได้อีก ทำให้ Toyota ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอะไรที่พลิกโฉมไปจากเดิมที่เป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิต โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบตเตอรี่ ที่ดูเหมือนว่า บริษัทยังไม่มีความพร้อม ในการพัฒนาเทคโนโลยีชนิดนี้