แม้ว่าครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อน Nissan ถือว่าเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของโลก โดยมี Leaf เป็นรุ่นเรือธง แต่ดูเหมือนว่า มันยังไม่ใช่เวลาแจ้งเกิดของรถยนต์ไฟฟ้าในขณะนั้น เพราะคนส่วนใหญ่ ยังไม่มั่นใจในเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานก็ยังไม่รองรับ แถมราคาก็ยังถือว่าเอื้อมถึงได้ยาก โดยเฉพาะในเมืองไทย ที่ Nissan พยายามเข้ามาทำตลาด แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี Nissan และค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ได้กลายมาเป็นผู้ตามในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว ปล่อยให้ค่ายรถยนต์จีน ได้แจ้งเกิดกันถ้วนหน้า แม้แต่ค่ายยุโรปและอเมริกา ก็ยังถือว่านำหน้าในตลาดนี้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม Nissan ยังไม่ถูกตัดออกไปจากตลาดการแข่งขัน เพราะบริษัทยังมีไพ่สำคัญในมืออยู่ ก็คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิตสเตท ที่หลายฝ่ายเชื่อว่า มันคือเทคโนโลยี ที่จะเข้ามาเปลี่ยนเกมการแข่งขันในตลาด EV ได้ในอนาคตอันใกล้ อีกไม่กี่ปีจากนี้ แต่ Nissan ไม่สามารถรอให้ถึงวันนั้นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย กับตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นจึงนำไปสู่การเข้าเจรจากับบริษัทสตาร์ตอัพสัญชาติอเมริกาอย่าง Fisker ที่อยู่ในภาวะวิกฤต และพร้อมล้มละลายได้ทุกเมื่อ
สำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่า Nissan กำลังพิจารณาการลงทุนในบริษัท Fisker เป็นจำนวนเงินมากกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 14,280 ล้านบาท เพื่อให้พ้นจากสภาพการล้มละลาย และแก้ไขปัญหาสภาพคล่องสำหรับ 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ทาง Nissan เอง ก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีรถกระบะปิกอัพไฟฟ้า ที่ Fisker กำลังพัฒนาอยู่ ซึ่งก็คือแพลตฟอร์มของ Fisker Alaska รถกระบะปิกอัพขนาดเล็ก ที่ใช้พื้นฐานของเอสยูวีรุ่น Ocean ของบริษัท โดยคาดว่า เราอาจจะได้เห็นรถกระบะปิกอัพที่พัฒนาโดย 2 บริษัทนี้ ภายในปี 2026 โดยจะมีการผลิตขึ้นที่โรงานของ Nissan ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโรงงานเดียวกันกับที่ผลิตรุ่น Pathfinder สำหรับตลาดพวงมาลัยขวาด้วย
การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลให้กับไลพ์อัพของ Alaska สะท้อนถึงความสนใจในตลาดรถกระบะปิกอัพขนาดเล็กของ Nissan ที่แน่นอนว่า ในช่วงแรก จะเน้นไปที่ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีที่เรียกว่า Chicken Tax ที่สูงถึง 25% ในการนำเข้ารถกระบะปิกอัพจากต่างประเทศ ซึ่งถูกใช้มาตั้งแต่ทศวรรษ1960 ที่เป็นการตอบโต้การตั้งกำแพงภาษีรถยนต์ของรัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนีในขณะนั้น
ที่ผ่านมา รถยนต์รุ่นแรกของ Fisker ก็คือ Ocean รถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลาง ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Tesla Model Y ที่มีการผลิตขึ้นในประเทศออสเตรีย โดยบริษัทที่ชื่อ Magna Steyr ผู้ผลิตเดียวกันกับอีกหลายบริษัทชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz ในรุ่น G-Class Toyota ในรุ่น GR Supra และรถยนต์อีกหลายรุ่น
Reuters รายงานโดยการอ้างอิงจากแหล่งข่าวภายในว่า ดีลระหว่าง Nissan และ Fisker คาดว่าจะสามารถปิดลงได้ ภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยเอกสารทางด้านเงื่อนไข ได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว และกำลังเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทางการเงินอยู่ โดยทาง Henrik Fisker CEO ของ Fisker ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เกี่ยวกับการเข้ามาลงทุนใน Fisker เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกันอย่างน้อย 1 แพลตฟอร์ม รวมถึงการลงทุนในสายการผลิตที่สหรัฐอเมริกาด้วย
ในปลายปี 2022 Fisker ได้ตั้งเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์รุ่น Ocean ให้กับลูกค้า ให้ได้ 42,000 คัน ในปี 2023 แต่พอเอาเข้าจริง บริษัทสามารถทำการผลิตได้เพียง 10,000 คัน และจำหน่ายออกไปได้เพียง 5,000 คันเท่านั้น จากปัญหาในเรื่องคุณภาพและการผลิต ส่วนในปี 2024 นี้ Fisker ตั้งใจที่จะส่งมอบรถ ให้ได้ 20,000-22,000 คัน เนื่องจากความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าลดน้อยลง ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และบริษัท ยังมีแผนในการลดจำนวนพนักงาน ให้ได้ถึง 15%
Fisker ได้เปิดตัว Alaska ในปี 2023 ที่ผ่านมา โดยเคลมว่า มีระยะทางวิ่งสูงสุด 547 กม/ชาร์จ ในราคาเริ่มต้น ที่ 45,400 เหรียญสหรัฐหรือราว 1,620,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่ได้รับเงินส่วนลด จากทางรัฐบาลอเมริกา อย่างไรก็ตาม Alaska เป็นรถกระบะปิกอัพ ที่มีขนาดเล็กกว่ารถกระบะขนาด 1 ตันอย่าง Isuzu D-MAX Ford Ranger Toyota Hilux ที่เป็นรุ่นขายดีในเมืองไทย โดยในสหรัฐอเมริกา Alaska มีคู่แข่งโดยตรง ก็คือ Ford Maverick Hyundai Santa Cruz โดย Nissan กำลังอยู่ในระหว่างการประเมินตลาดรถกระบะไฟฟ้า โดยจะเน้นไปที่รถกระบะขนาดกลางอย่าง Navara และรถกระบะขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกาก่อน การเข้าลงทุนใน Fisker ของ Nissan เป็นเหมือนทางลัดให้กับบริษัทในการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับรถกระบะปิกอัพไฟฟ้า ถึงหากผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจ เราก็อาจจะได้เห็น Navara EV ที่ใช้แพลตฟอร์มของ Fisker ก็เป็นไปได้