กรุงเทพฯ – 11 มีนาคม 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดเกมตลาดอีวีสุดร้อนแรงในปี 2567 ด้วยการตอกย้ำความสำเร็จทั้งรางวัลและยอดขายของ MG4 ELECTRIC ด้วยรุ่น XPOWER กับการเป็นแฮทช์แบคพลังงานไฟฟ้า 100% ตัวแรงของ เอ็มจี มาตรฐานและประสบการณ์ครั้งใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุกและเร้าใจ เหนือกว่าใครในคลาสด้วยสมรรถนะขั้นสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0 -100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.8 วินาที มาไทยด้วยสเปกจัดเต็ม พร้อมเผยโฉมคันจริงอย่างเป็นทางการในงาน MG Everyday Electric ระหว่างวันที่ 13-19 มีนาคมนี้ ที่ ลานโปรโมชั่น ฮอลล์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว และประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ 2567 ที่ งานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45
MG4 ELECTRIC ถือเป็นโกลบอลอีวีของ เอ็มจี ที่ประสบความสำเร็จโดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้อีวีทั่วโลก ด้วยรางวัลโมเดลยอดเยี่ยมแห่งปีทั้งในและต่างประเทศ สามารถสร้างยอดขายรวมที่มีมากถึงกว่า 140,000 คัน ครอบคลุมทั้งในตลาดยุโรป ออสเตรเลีย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งทำยอดขายรวมมากกว่า 7,000 คัน ซึ่งในปีนี้ MG4 ELECTRIC ยังถือเป็นหนึ่งในโมเดลยุทธศาสตร์ของ เอ็มจี ที่จะเข้ามาสร้างสีสันและนำเสนอความเหนือชั้น เพื่อผลักดันตลาดอีวีในไทยไปสู่อีกระดับ ประเดิมด้วยประสบการณ์อีวีครั้งใหม่จาก MG4 XPOWER
MG4 XPOWER ยังคงความเป็น “อีวีสายพันธุ์แท้” ที่มีความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่การเป็นยนตรกรรมที่พัฒนาบน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เหนือกว่าด้วยการเป็นอีวีสมรรถนะขั้นสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ เอ็มจี ที่มาพร้อมกับขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ทั้งยังใช้เทคโนโลยี Rubik’s Cube Battery ขนาดความจุ 64 kWh สามารถวิ่งในระยะทางไกลสูงถึง 480 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) คงจุดเด่นของ MG4 ELECTRIC ไม่ว่าจะเป็นการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) กับช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension ทำให้ลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนนได้ดีเยี่ยม และช่วยให้ประสิทธิภาพในการเกาะถนนดียิ่งขึ้น เพิ่มเติมระบบ One Pedal เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและทำให้ระยะทางการขับขี่เสถียรยิ่งขึ้น คำนึงถึง ผู้ใช้รถด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ครอบคลุม 23 ระบบ สะกดทุกสายตาด้วยการออกแบบภายนอกสปอร์ตรอบคันกับตัวถังสีใหม่สีเขียว (Wild Hunter Green) พร้อมด้วยหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว และคาลิปเปอร์เบรกสีส้มสุดร้อนแรง ภายในห้องโดยสารสีดำโดยเสริมความสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุหุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่าง หนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่า (Alcantara) สะดวกยิ่งขึ้นกับระบบอัจฉริยะ Intelligent Smart Access ที่คนขับสามารถเหยียบเบรกแล้วระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ และช่วยทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ง่ายด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART เต็มฟังก์ชัน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจีถือเป็นแบรนด์ที่มีความมุ่งมันในเรื่องการบุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และได้นำโกลบอลโมเดลอย่าง MG4 ELECTRIC เข้ามาขายในประเทศไทยในช่วงเวลาใกล้เคียงกับตลาดยุโรป ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา MG4 ELECTRIC ถือเป็นรุ่นที่ทำให้เราได้รับรางวัล “THAILAND EV OF THE YEAR 2023” เป็นครั้งแรก จาก สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย การเพิ่มรุ่น XPOWER ในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่ เอ็มจี ตั้งใจนำรถไฟฟ้าสมรรถนะสูงเข้ามาเติมเต็ม EV Portfolio ในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นหลักของรถที่มีการนำเทคโนโลยีอีวีสมรรถนะขั้นสูง พร้อมการจูนช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพสามารถรองรับกำลังของมอเตอร์คู่ได้อย่างสมดุล และยังเป็นการตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความเร็วและความแรงที่เหนือกว่าของรถอีวี โดยเราเชื่อมั่นว่าด้วยความแตกต่างและไม่เหมือนใครนี้ จะทำให้ MG4 XPOWER ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถยกระดับมาตรฐานรถอีวีสู่อีกขั้น ทั้งยังเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ เอ็มจี ในการ ทำตลาดอีวี ด้วยการนำเสนอและเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์อีวีที่หลากหลายเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง”
โดย MG4 XPOWER พร้อมเผยโฉมจริงอย่างเป็นทางการ ให้คนไทยได้สัมผัสกับความเร็วและแรงครั้งใหม่ ในงาน “MG EVERYDAY ELECTRIC” ระหว่างวันที่ 13-19 มีนาคมนี้ ที่ ลานโปรโมชั่น ฮอลล์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว และมีกำหนดประกาศราคาและเปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 มีนาคม ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45
MG4 ELECTRIC ถือเป็นโกลบอลอีวีของ เอ็มจี ที่ประสบความสำเร็จโดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ใช้อีวีทั่วโลก ด้วยรางวัลโมเดลยอดเยี่ยมแห่งปีทั้งในและต่างประเทศ สามารถสร้างยอดขายรวมที่มีมากถึงกว่า 140,000 คัน ครอบคลุมทั้งในตลาดยุโรป ออสเตรเลีย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งทำยอดขายรวมมากกว่า 7,000 คัน ซึ่งในปีนี้ MG4 ELECTRIC ยังถือเป็นหนึ่งในโมเดลยุทธศาสตร์ของ เอ็มจี ที่จะเข้ามาสร้างสีสันและนำเสนอความเหนือชั้น เพื่อผลักดันตลาดอีวีในไทยไปสู่อีกระดับ ประเดิมด้วยประสบการณ์อีวีครั้งใหม่จาก MG4 XPOWER
MG4 XPOWER ยังคงความเป็น “อีวีสายพันธุ์แท้” ที่มีความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ตั้งแต่การเป็นยนตรกรรมที่พัฒนาบน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เหนือกว่าด้วยการเป็นอีวีสมรรถนะขั้นสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ เอ็มจี ที่มาพร้อมกับขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.8 วินาที ทั้งยังใช้เทคโนโลยี Rubik’s Cube Battery ขนาดความจุ 64 kWh สามารถวิ่งในระยะทางไกลสูงถึง 480 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) คงจุดเด่นของ MG4 ELECTRIC ไม่ว่าจะเป็นการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) กับช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension ทำให้ลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวถนนได้ดีเยี่ยม และช่วยให้ประสิทธิภาพในการเกาะถนนดียิ่งขึ้น เพิ่มเติมระบบ One Pedal เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายและทำให้ระยะทางการขับขี่เสถียรยิ่งขึ้น คำนึงถึง ผู้ใช้รถด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ครอบคลุม 23 ระบบ สะกดทุกสายตาด้วยการออกแบบภายนอกสปอร์ตรอบคันกับตัวถังสีใหม่สีเขียว (Wild Hunter Green) พร้อมด้วยหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว และคาลิปเปอร์เบรกสีส้มสุดร้อนแรง ภายในห้องโดยสารสีดำโดยเสริมความสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุหุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่าง หนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่า (Alcantara) สะดวกยิ่งขึ้นกับระบบอัจฉริยะ Intelligent Smart Access ที่คนขับสามารถเหยียบเบรกแล้วระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ และช่วยทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ง่ายด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART เต็มฟังก์ชัน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจีถือเป็นแบรนด์ที่มีความมุ่งมันในเรื่องการบุกเบิกยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และได้นำโกลบอลโมเดลอย่าง MG4 ELECTRIC เข้ามาขายในประเทศไทยในช่วงเวลาใกล้เคียงกับตลาดยุโรป ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา MG4 ELECTRIC ถือเป็นรุ่นที่ทำให้เราได้รับรางวัล “THAILAND EV OF THE YEAR 2023” เป็นครั้งแรก จาก สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย การเพิ่มรุ่น XPOWER ในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่ เอ็มจี ตั้งใจนำรถไฟฟ้าสมรรถนะสูงเข้ามาเติมเต็ม EV Portfolio ในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นหลักของรถที่มีการนำเทคโนโลยีอีวีสมรรถนะขั้นสูง พร้อมการจูนช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพสามารถรองรับกำลังของมอเตอร์คู่ได้อย่างสมดุล และยังเป็นการตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความเร็วและความแรงที่เหนือกว่าของรถอีวี โดยเราเชื่อมั่นว่าด้วยความแตกต่างและไม่เหมือนใครนี้ จะทำให้ MG4 XPOWER ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถยกระดับมาตรฐานรถอีวีสู่อีกขั้น ทั้งยังเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ เอ็มจี ในการ ทำตลาดอีวี ด้วยการนำเสนอและเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์อีวีที่หลากหลายเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง”
โดย MG4 XPOWER พร้อมเผยโฉมจริงอย่างเป็นทางการ ให้คนไทยได้สัมผัสกับความเร็วและแรงครั้งใหม่ ในงาน “MG EVERYDAY ELECTRIC” ระหว่างวันที่ 13-19 มีนาคมนี้ ที่ ลานโปรโมชั่น ฮอลล์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว และมีกำหนดประกาศราคาและเปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 มีนาคม ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45
NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คขับเคลื่อนล้อหลังพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็น “ต้นแบบ” และมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุกและเร้าใจ ประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่อีกระดับ กับ MG4 XPOWER EV Hot Hatch รุ่นสมรรถนะสูงขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด ถึง 600 นิวตัน – เมตร พร้อมที่สุดของการควบคุมด้วยช่วงล่างที่ออกแบบใหม่ ให้สามารถรองรับความแรงบิดสูงจากมอเตอร์คู่ และ แพลตฟอร์มที่ออกมาเพื่อเป็นรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ รวมถึงระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มมาตรฐาน EURO NCAP 5 ดาว
NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM
MG4 XPOWER ยนตรกรรมที่พัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM นวัตกรรมจาก เอ็มจี ที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ กับความสามารถในการนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถกระบะ รวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ
ICONIC DESIGN โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบ
MG4 XPOWER ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตรอบคัน โฉบเฉี่ยวในทุกการเคลื่อนไหว
• การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN
• ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS
• ไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT
• หลังคาแบบทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING
• ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
• มิติตัวถัง 4,287 x 1,836 x 1,516 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
• ระยะความยาวฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
• ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตร
• เติมความเป็นสปอร์ตด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีส้ม XPOWER
ภายในห้องโดยสารเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เน้นการใช้งานที่สะดวก เพื่อให้ดูโปร่งโล่งสบาย มาพร้อม ความเหนือระดับ
• คอนโซลกลาง FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM พร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger)
• ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
• พวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
• กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ
• หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพง 6 จุด
• ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V
• รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android
• พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C
• ระบบกรองอากาศ PM2.5
• เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
• เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40
• โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ
• ให้ความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่า (Alcantara)
ICONIC PERFORMANCE อีวีเลือดใหม่ที่ขับสนุก และเร้าใจ
เปิดมิติใหม่ให้กับการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้ากับ MG4 XPOWER ที่มาพร้อมกับสมรรถนะและการควบคุมที่เป็น “ต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถ EV ที่ขับสนุกและเร้าใจกว่าที่เคย”
• ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor จำนวน 2 ตัว โดยมอเตอร์หน้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 กิโลวัตต์) และมอเตอร์หลัง กำลังสูงสุด 231 แรงม้า (170 กิโลวัตต์) รวมให้พละกำลังสูงสุดที่ 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.8 วินาที
• สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดที่ 200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
• มาพร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY ขนาดความจุ 64 kWh (NMC battery) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
• ระบบ One Pedal ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และทำให้ระยะทางการขับขี่เสถียรยิ่งขึ้น
• แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
• ระบายความร้อนด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM
• ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL WHEEL DRIVE
• ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)
• ระบบโครงสร้างพวงมาลัยรูปแบบใหม่ DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้า
• รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร
• การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
• ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension
• โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW
*ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE (NEDC)
ICONIC SAFETY ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางกับระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุม
MG4 XPOWER มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 23 ระบบ ได้แก่
• ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
• ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
• ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
• ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
• ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
• ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
• ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
• ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
• ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
• ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
• ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
• ระบบ One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)
EASY CHARGE ง่าย สะดวกสบาย ทุกการชาร์จ ด้วยสถานีชาร์จที่ครอบคลุม
MG4 XPOWER ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 146 แห่งทั่วประเทศ
• ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 26 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 140 kWh
• ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 10% – 100% ใช้เวลาประมาณ
6 ชั่วโมง 30 นาที* ที่สูงสุด 11 kWh
• รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า
พร้อมด้วย ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ที่ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ เอ็มจี ที่ประกอบด้วย
ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ (Smart Check)
• ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ Battery Doctor บันทึกและวิเคราะห์ พฤติกรรมการใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำ ในการดูแลรักษาแบตเตอรี่เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
• ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
• ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
• ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
• ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ
ระบบสั่งการอัจฉริยะ (Smart Command)
• กุญแจดิจิตอล
• ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
• ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
• ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน
• ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน
ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Smart Connect)
• ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
• ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
• อัพเกรดระบบผ่านออนไลน์
• ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
• อัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ
• ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
- อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
NEW MG4 ELECTRIC กับประสบการณ์ความสนุกและเร้าใจที่คุณเลือกได้ ประเดิมเปิดตัวด้วยรุ่น XPOWER AWD ภายในสีดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) กับสีตัวถังใหม่สีเขียว (Wild Hunter Green) พร้อมเผยโฉมต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงาน MG Everyday Electric ระหว่างวันที่ 13-19 มีนาคมนี้ ที่ ลานโปรโมชั่น ฮอลล์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่งานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45