ประธาน TOYOTO มั่นใจ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ขยายตัวได้ไม่มากนัก ส่วนใหญ่ จะยังเป็นตลาดของรถใช้น้ำมัน รถไฮบริด และรถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน สื่อต่างประเทศชี้ นี่คือสัญญาณการพ่ายแพ้ของ TOYOTA ในสมรภูมิรถยนต์ไฟฟ้า
ต่อให้ Toyota จะพยายามเดินหาพันธมิตร และพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามากเพียงใด แต่จุดยืนของประธานบริษัทอย่าง Akio Toyoda ยังไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเขายังมองว่า รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งาน โดยก่อนหน้านี้ เขาได้เน้นให้เห็นถึงข้อเสียของการผลิตแบตเตอรี่ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถน้ำมันที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยล่าสุด เขาได้ออกมาทำนายว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดก็แค่เพียง 30% เท่านั้น โดยสัดส่วนที่เหลือ จะเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริด ฟิวเซลล์ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งทุกคนก็คงทราบดีว่า รถยนต์ทั้ง 3 ประเภท TOYOTA เป็นเจ้าตลาดและมีเทคโนโลยีอยู่แล้วในมือ ซึ่งถือว่าได้เปรียบคู่แข่งอยู่มาก โดยประธาน Toyota ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ประชากรโลกถึง 1 พันล้านคน ยังใช้ชีวิตโดยปราศจากการใช้ไฟฟ้า ทำให้ทางเลือกต่างๆของพวกเขาถูกจำกัด การเดินทางด้วยรถยนต์ราคาแพงก็ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องเช่นกัน เขาเชื่อว่า ลูกค้าควรทำการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะมีกฏหมายหรือการเมืองมากำหนด
ผู้บริหาร Toyota ยังโต้แย้งการวิพากย์วิจารณ์ที่ว่า บริษัทกำลังตามหลังคู่แข่งในตลาดทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเขาได้ตอบไปว่า ระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่ TOYOTA เป็นผู้บุกเบิก และเทคโนโลยีไฮโดรเจน จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ในที่สุดว่า เขาพูดได้อย่างถูกต้อง ทั้งในแง่ธุรกิจ ลูกค้า และสภาพแวดล้อม ซึ่งเมื่อต้นเดือนนี้ บริษัทได้ประกาศแผนการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในแลลใหม่ไปแล้วด้วย Toyoda ให้ความมั่นใจว่า เครื่องยนต์สันดาป จะยังคงอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน แต่จากการคาดการณ์ของสำนักข่าว Bloomberg รถยนต์ไฟฟ้า จะมีสัดส่วนมาถึง 75% ของรถยนต์ใหม่ และมีถึง 44% ของรถยนต์นั่ง ที่พบได้ตามท้องถนน ภายในปี 2040
หลังจากที่ได้พยายามโน้มน้าวใจของคนในวงการยานยนต์และกลุ่มลูกค้ามานานหลายปี Toyoda มองว่า กลยุทธ์ Multipathway approach ของบริษัท จะช่วยให้ลูกค้า สามารถเลือกซื้อเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับความต้องการของพวกเขาได้ และการเปลี่ยนผ่านไปยังยุคของรถยนต์ไฟฟ้า ยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เหมือนที่หลายคนคิด แต่ในปีที่ผ่านมา Koji Sato CEO คนใหม่ของ Toyota ได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทจะขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ให้ได้ถึง 1.5 ล้านคันต่อปี ภายในปี 2026 และขยับขึ้นไปเป็น 3.5 ล้านคันต่อปี ภายในปี 2030
สำหรับการแข่งขันในตลาดรถยนต์ BYD ก็เพิ่งเอาชนะ Volkswagen ในด้านยอดขายที่ประเทศจีน ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาได้ ซึ่งการเดิมพันไปสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ได้ออกดอกออกผลขึ้นมาแล้ว และสามารถเอาชนะบริษัทยานยนต์ระดับโลกไปได้หลายต่อหลายบริษัท โดยในปีที่ผ่านมา BYD สามารถจำหน่ายรถยนต์ในประเทศจีน ไปได้ถึง 2.4 ล้านคัน ส่งผลทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดในจีน ที่ 11% เติบโตเพิ่มขึ้น 3.2% ซึ่งความสำเร็จอย่างรวดเร็วของ BYD ได้สะท้อนให้เห็นว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีน ที่สามารถพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยและมีราคาไม่แพง กำลังได้รับการยอมรับไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Stellantis และ Volkswagen ได้หันไปจับมือกับบริษัทรถยนต์จากจีน เพื่อให้สามารถอยู่รอดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาวได้ Volkswagen เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน มาตั้งแต่ปี 2008 และกำลังจะเสียแชมป์ให้กับ BYD ต่อจากนี้ไป ในบรรดาบริษัทที่มียอดขายใน 5 อันดับแรกในจีน Toyota และ Honda พบว่ายอดขายของบริษัทลดลง ในขณะที่บริษัทเจ้าถิ่นอย่าง Changan มียอดขายเพิ่มขึ้น
การออกมาแสดงท่าทีในเชิงต่อต้าน การใช้รถยนต์ไฟฟ้าของประธานบริษัท TOYOTA ที่ตอนนี้ได้ออกไปจากตำแหน่ง CEO เหลือไว้เพียงการเป็นประธานบริษัทเท่านั้น ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ที่มองว่า รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ใช้รถยนต์ ซึ่งสวนทางกับการออกมาแถลงข่าวแผนงานการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นของบริษัทที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการดำเนินการ ในการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบต่างๆ เพื่อที่จะได้เข้ามาแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ เพราะที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัท อย่าง TOYOTA bZ4X ยังไม่สามารถทำตลาดได้ดี ตามที่คาดเอาไว้ เพราะหลังจากที่มีปัญหาเรียกรถคืนทั้งหมดเพื่อซ่อมแซมแล้ว รวมถึงการจำหน่ายในประเทศไทย 50 คัน ก็ดูเหมือนแทบจะไม่ได้ข่าวคราวของรถรุ่นนี้อีกเลย ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆเช่นกัน ส่วนรุ่น bz3 ที่จำหน่ายในประเทศจีน ก็คงไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้าที่ทาง TOYOTA ต้องการจะประชาสัมพันธ์ เพราะยังใช้แบตเตอรี่ของ BYD อยู่ ส่วนในเมืองไทย ที่มีข่าวการทำตลาดรถกระบะไฟฟ้า ก็น่าจะเน้นอยู่แค่เพียงตลาดองค์กรเท่านั้น และดูเหมือนกลุ่มเป้าหมาย ยังไม่ให้ความสนใจกับทางเลือกใหม่นี้เท่าใดนัก จากการสำรวจล่าสุดของบางหน่วยงาน การออกมาคาดการณ์อนาคตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยประธานบริษัท TOYOTA เองอีกครั้ง ทำให้สื่อในต่างประเทศ อย่าง Bloomberg มองว่า เป็นการออกมาตอบโต้การวิพากย์วิจารณ์ของสื่อต่างๆที่มองว่า TOYOTA กำลังพลาดท่า ตามหลังคู่แข่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ตลาดอีวีมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก รวมถึงในเมืองไทย ที่อาจจะเป็นกรณีศึกษาสำหรับหลายประเทศ แน่นอนว่า ท่าทีของ TOYOTA ในเรื่องนี้ ได้สื่ออกมาในทางอ้อมเช่นกัน ถึงคุณภาพของรถยนต์ไฟฟ้าบริษัทในปัจจุบัน ว่ายังไม่น่าสนใจหรือดีพอที่จะเข้ามาเป็นตัวเลือกแรกให้กับลูกค้าได้ หรือทางบริษัทเอง ก็ไม่มั่นใจในการผลักดันสินค้ารุ่นนี้ รวมถึงการสื่อว่า TOYOTA ยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆที่้น่าสนใจในมุมมองของบริษัท ที่จะถูกเปิดตัวสู่ตลาดในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตาม เราก็คงจะได้รับคำตอบอีกไม่นาน ว่าสิ่งต่างๆที่ทางประธานบริษัท TOYOTA คาดการณ์ จะถูกต้อง หรือใกล้เคียงกับที่นำเสนอไปในการแถลงข่าวล่าสุดนี้ หรือไม่