หลังจากที่มีข่าวการเลื่อนการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า Toyota BZ4X ในประเทศออสเตรเลียเป็นครั้งที่ 2 ทำให้ล่าช้ากว่าแผนงานเดิม ไปถึง 18 เดือน โดยบริษัทให้เหตุผลในเรื่องการสต็อกสินค้าและการอัพเกรดล่าสุด จนทำให้หลายคนเริ่มไม่มั่นใจในตัวสินค้า เพราะก่อนหน้านี้ ก็มีประเด็นปัญหาความเสี่ยงในการที่ล้ออาจจะหลุดออกมาได้ในระหว่างการขับขี่ จน Toyota ถึงกับต้องเรียกรถที่จำหน่ายไปแล้วคืน เพื่อทำการซ่อมแซม
ล่าสุด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประเด็นปัญหาดังกล่าวหรือไม่ Sean Hanley ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดของ Toyota ในออสเตรเลีย ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อกลุ่มผลประโยชน์และล็อบบี้ยีสต์ในวงการรถยนต์ ในระหว่างการแถลงข่าวเกี่ยวแผนงานในอนาคตเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนดีเซล ไฮบริด และไฟฟ้า ที่มองว่า รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้รถ ที่จะสามารถลดมลพิษได้ และมองว่า Toyota ยังตามหลังค่ายอื่นๆในตลาด และตั้งใจที่จะทำการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าให้ล่าช้าออกไป โดยผู้บริหาร Toyota กล่าวหาว่า การกระทำของคนเหล่านี้ เป็นเพียงแค่การพยายามเล่นข่าวเท่านั้น
Toyota ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่า บริษัทเชื่อว่า การพยยามยัดเยียดระบบไฟฟ้าให้ใช้กับรถยนต์ทุุกประเภทเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ก็เพราะยังมีปัญหาเรื่องของต้นทุน ข้อจำกัดด้สยทรัพยากรแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิต และข้อจำกัดในเรื่องเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์บางประเภท เช่น รถกระบะ รถตู้โดยสาร และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และผู้บริหาร Toyota ได้ย้ำอีกครั้งว่า ไม่ควรจะมีผู้ใช้รถคนใด ที่ถือว่าช้าในการเปลี่ยนไปใช้รถที่ไร้มลพิษ พูดง่ายๆก็คือ ไม่มีความจำเป็นจะต้องรีบเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ที่ผ่านมา Toyota ได้รับการวิพากย์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ซึ่งบริษัทก็พยายามทำอยู่ เพื่อให้เข้ามาเสริมทัพรถยนต์ไฮบริดที่บริษัทเป็นเจ้าตลาดอยู่ในปัจจุบัน Sean Hanley ยังกล่าวอีกว่า Toyota เป็นเป้าที่หาได้ง่ายที่สุด สำหรับพวกผู้ผลิตที่ไม่ได้ทำอะไรออกมา นอกจากการปล่อยข่าวเท่านั้น พวกเขาอาจจะมีมุมมองในแบบพวกเขา แต่มันเป็นแค่เกมสั้นๆเท่านั้น จริงอยู่หลายชาติ ได้ประกาศห้วงเวลาในการระงับการใช้รถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทั้งเบนซินและดีเซล บางบริษัท ก็ได้ประกาศแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายใน 5-10 ปีข้างหน้า ถ้าพวกเขาทำได้ตามที่สัญญาเอาไว้ มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่เราต้องอยู่กับความเป็นจริงว่าสามารถทำได้ตามนั้นหรือไม่ อย่างกรณีของรถยนต์ไฮบริด ถ้าย้อนไปในช่วงปี 1990 Toyota ไม่ได้เป็นเจ้าแรกที่มีรถยนต์ประเภทนี้จำหน่าย ตอนนั้นยังมี Honda Insight ที่เป็นรถยนต์ไฮบริดเช่นกัน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้บริษัทหยุดพัฒนา และพยายามส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมประเภทนี้ ด้วยตัวของเราเอง Toyota ถือว่าเป็นบริษัทเดียวที่ผลิตและจำหน่ายรถไฮบริดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ด้วยซ้ำ จากจุดนี้นี่เอง ที่ทำให้ลูกค้าของ Toyota ได้มีส่วนในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับโลกเป็นอย่างมาก 1 ใน 3 ของยอดขายบริษัท เป็นรถยนต์ประเภทไฟฟ้า ซึ่งเขาเชื่อว่า จะขยับขึ้นไปเป็น 50% ภายใน 2 ปี จากรถไฮบริดที่ทำตลาดอยู่แล้ว และรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีการเปิดตัวในอนาคต ซึ่งไม่นับ Hilux มายด์ไฮบริด 48 โวลต์ ด้วยซ้ำ
Hanley มั่นใจว่า ทุกอย่างถูกพิสูจน์ให้เห็นในอนาคตว่า Toyota มีการผลิตและเทคโนโลยีวิศวกรรมที่ดี และจะสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ภายในปี 2050 ตามที่ประกาศไว้ การออกมาแสดงความคิดเห็นที่แข็งกร้าวครั้งนี้ เกิดขึ้นไปพร้อมกับการเปิดตัวรถต้นแบบ Hilux ไฟฟ้า ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระยะทางทำการไม่ไกลนัก สำหรับการขับขี่ในเมือง แทนที่จะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้ในการลากจูงและตะลุยในเส้นทางออฟโรด ซึ่งตอนนี้ ยังมีข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยี ในการติดตั้งแบตเตอรี่บนรถกระบะปิกอัพ การใช้งานบนเส้นทางทั่วไปก่อน จึงน่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีและเหมาะสม ลองจินตนาการดูว่า ถ้าขนาดและน้ำหนัก และเวลาในการชาร์จของแบตเตอรี่ สำหรับระยะทางวิ่ง 800 กิโลเมตร ถ้าเป็นตอนนี้ มันคงมีขนาดใหญ่มากและยากในการนำมาใช้งานได้ในรถกระบะปิกอัพ แต่แน่นอนว่า บริษัทกำลังพัฒนาเรื่องพวกนี้อยู่ ที่สำคัญก็คือ การพัฒนาแบตเตอรี่ solid state ของบริษัท จะสามารถตอบโจทย์พวกนี้ได้ และทำให้ Toyota ขึ้นไปอยู่แถวหน้า
ในเรื่องของเทคโนโลยีฟิวเซลล์ ที่ Toyota ได้ทำการพัฒนามานานหลายปี ที่คาดหวังว่าจะใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงแค่ 5 นาที และวิ่งได้ไกลพอๆกับรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล Toyota มองว่า นี่คือสิ่งที่ควรจะทำ ในการหาทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้า เพื่อที่จะไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลัง บริษัทจึงลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีมากกว่าหนึ่งประเภท
ถือว่าเป็นอีกครั้งที่ Toyota ได้ออกมาตอบโต้ข่าวต่างๆที่มีนัยยะว่า บริษัทยังล่าช้าในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆในตลาด ซึ่งในขณะนี้ แม้ว่าภาพที่เห็นจะค่อนช้างชัดเจนแล้วว่า Toyota ยังตามหลังค่ายรถยนต์อื่นๆในตลาดนี้อยู่ จากจำนวนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆของแต่ละค่าย แต่แน่นอนว่า เรายังไม่สามารถฟันธงไปได้ในตอนนี้ ว่า Toyota จะพ่ายแพ้ในสมรภูมินี้หรือไม่ เพราะมันเป็นเพียงการแข่งขันในช่วงเริ่มต้นอยู่ ซึ่ง Toyota คาดหวังไว้สูงกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ solid state ว่าจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมได้ในอนาคต