EV จีน..ยึด ASEAN เบ็ดเสร็จ! ส่งสัญญาณอันตรายถึงค่ายญี่ปุ่น?

การหลั่งไหลเข้ามาของบริษัทยานยนต์จีนในช่วง 1-2 ปีมานี้ เกิดขึ้นในแบบที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ที่มีฐานการผลิตในเมืองไทยมานานหลายสิบปี เรียกว่าฝังรากลึกในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน จนทราบถึงพฤติกรรมของตลาดเป็นอย่างดี แต่สิ่งหนึ่งที่บริษัทรถยนต์จากแดนซามูไรมองพลาด ก็คือการที่ตลาดยอมรับรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว แถมส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์จีนอีกด้วย ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะบริษัทจากญี่ปุ่นเหล่านี้ เชื่อในวิสัยทัศน์ของ Toyota พี่ใหญ่ของวงการ ที่ออกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ยุคนี้ ยังไม่ใช่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นยุคของรถไฮบริด จนถึงกับทำให้ CEO คนเดิม ต้องถอยฉากออกไป ปล่อยให้ผู้บริหารคนใหม่เข้ามากุมบังเหียนแทน

สถานการณ์ล่าสุด ดูเหมือนจะเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับผู้เล่นรายเก่าจากญี่ปุ่น เมื่อสำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากจีน สามารถครองส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ได้สูงถึง 75% ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับไตรมาสแรกของปี 2023 นี้ จากการสำรวจของ Counterpoint Research โดยประเทศไทย ที่เป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ของภูมิภาคนี้แล้ว มีส่วนสำคัญที่ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยครองสัดส่วนเกือบ 79% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในอาเซียน

การที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเมืองไทย ก็เพราะนโยบายของรัฐ ที่ให้แรงจูงใจในการซื้อสำหรับผู้ใช้รถ และให้เงินชดเชยกับบริษัทที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จากจีน เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในเมืองไทยมากขึ้น โดยภายในปี 2030 ประเทศไทย ต้องการให้มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 30% ของยอดการผลิตรถยนต์ภายในประเทศที่ 2.5 ล้านคัน ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทจากจีน ได้ลงทุนในเมืองไทยไปแล้วกว่า 1,440 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 49,680 ล้านบาท หลังจากที่ตลาดถูกครอบครองโดบบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมานานหลายสิบปี นอกจากนั้นแล้ว บริษัทรถยนต์จากจีน ยังมองเห็นโอกาสการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ จากส่วนแบ่งทางการตลาด จาก 38% ในปีก่อน มาเป็น 75% ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

สำหรับส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถยนต์นั่งของภูมิภาค ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 3.8% ในไตรมาสแรกของปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 0.3% โดยมี BYD Atto 3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในภูมิภาค ตามมาด้วย Neta V จากค่าย Hozon New Energy Automobile ที่ร่วมทุนกับบริษัทของไทยด้วย ตามมาด้วยรุ่น Model Y ของ Tesla

Counterpoint คาดการณ์ว่า จากการรุกตลาดอย่างหนักของค่ายรถยนต์จีน ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจจะเพิ่มขึ้นไปถึง 6% ภายในสิ้นปี 2023 นี้ ที่มีอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย เป็น 3 ตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค การนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ น่าจะสร้างปัญหาให้กับค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นไม่น้อย โดยเฉพาะตลาดรถยนต์นั่ง เพราะดูเหมือนญี่ปุ่นจะยังตามหลังจีนทั้งในแง่ส่วนแบ่งตลาด และเทคโนโลยีอยู่มากพอสมควร ซึ่งเราไม่น่าจะได้เห็นการแข่งขันที่สูสีของทั้งสองชาติในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน