คำถามหนึ่งที่พบได้บ่อย หลังจากการเปิดตัว Mitsubishi Triton โฉมใหม่ไปแล้ว ก็คือ เมื่อใด ที่บริษัทจะทำการอัพเกรดระบบห้ามล้อ ให้เป็นดิสก์เบรคทั้งหมด ซึ่งก็คือการเปลี่ยนจากดรัมเบรคล้อหลัง ให้กลายเป็นดิสก์เบรค เหมือนกับรถรุ่นใหม่ๆ ทั้งที่จริงๆแล้ว น่าจะให้มาตั้งแต่ต้น เพราะอย่าลืมว่า All-New Triton รุ่นล่าสุดนี้ มีน้ำหนักตัวที่มากขึ้นถึง 10% มาพร้อมโครงสร้างตัวถังใหม่ยกชุด ที่แข็งแกร่งกว่าเดิม และก็มีสมรรถนะเครื่องยนต์ ที่เพิ่มขึ้นด้วย ฉะนั้น ต้องมั่นใจว่า ระบบห้ามล้อ จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งดิสก์เบรค จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ล่าสุดเรื่องนี้มีคำตอบที่ชัดเจนแล้ว เมื่อผู้บริหารของ Mitsubishi ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนออสเตรเลีย
ในปัจจุบันที่ตลาดออสเตรเลีย บางรุ่นย่อยของ Ford Ranger, Volkswagen Amarok ทุกรุ่นย่อยของ GWM Ute, LDV T60, SsangYong Musso ต่างมีดิสก์เบรคสำหรับล้อคู่หลังให้ด้วย ในขณะที่ค่ายญี่ปุ่นอย่าง Toyota Hilux Isuzu D-MAX Nissan Navara Mazda BT-50 ยังใช้ดรัมเบรคกันอยู่ ในเกือบจะทุกรุ่น ด้วยเหตุผลของการลดต้นทุนและถือว่าประสิทธิภาพยังอยู่ในระดับที่ดี
Yoshiki Masuda หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของ Mitsubishi Triton ได้บอกกับทางสื่อยานยนต์ของออสเตรเลียว่า การอัพเกรดไปใช้ดิสก์เบรคหลังสำหรับ Triton อยู่ในแผนของบริษัท ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับการใช้ระบบความปลอดภัยที่ดีขึ้น แต่สำหรับตอนนี้ ยังขอใช้ดรัมเบรคไปก่อน แต่ในอนาคตบริษัทจำเป็นจะต้องปรับไปเป็นดิสก์เบรคหลังอยู่แล้ว เพราะต้องให้สอดรับกับระบบความปลอดภัย ADAS แบบใหม่ ระบบจอดรถอัตโนมัติ รวมถึงสมรรถนะที่ดีขึ้นด้วย บางที สิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ และหากเรื่องนี้เกิดขึ้นในการปรับโฉมครั้งต่อไป นั่นหมายความว่า การอัพเกรดจากดรัมเบรคไปเป็นดิสก์เบรค น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปี 2027-2028 หรีออีกถึง 4-5 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว
ผู้บริหาร Mitsubishi ยังเผยอีกว่า ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ บริษัทมีแผนในการอัพเกรดส่วนอื่นๆอย่างจอแสดงผลการขับขี่ ที่จะมีการใช้ขนาด 12.3 นิ้ว เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับ Ford Ranger และ Volkswagen Amarok จากปัจจุบันที่เป็นขนาด 7.0 นิ้ว ที่มาพร้อมหน้าปัดแบบอนาล็อก 2 จอ
แม้ว่าผู้บริหารจะออกมาเผยไต๋ในส่วนของการอัพเกรด Triton ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ แต่เรื่องนี้ คงไม่มีผลกระทบใดๆในด้านยอดขาย เพราะกว่าจะถึงเวลานั้น ก็ต้องใช้เวลารออีกหลายปี อีกอย่าง หลายๆอย่างก็อาจจะเปลี่ยนไป รวมถึงสภาพการแข่งขันในช่วงนั้นด้วย ทั้งการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆจากคู่แข่ง การเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดจากรถกระบะระบบขับเคลื่อนไฺฮบริด หรือไฟฟ้า รวมถึงตัวของ Mitsubishi เอง ที่อาจจะมีอะไรใหม่มากกว่านั้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงไปจากแผนเดิมในขณะนี้