Tesla เรียกรถคืนเพื่อแก้ไข กว่า 1.1 ล้านคันในประเทศจีน จากปัญหาการที่ไม่มีการตั้งค่าระบบเบรคเพื่อชาร์จไฟ ที่สามารถปรับได้โดยผู้ขับขี่ ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการใช้รถได้ ถือว่าเป็นการเรียกรถคืนเพื่อแก้ไข ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Tesla
การเรียกรถคืนเพื่อแก้ไขของ Tesla ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานควบคุมข้อบังคับในตลาดของรัฐบาลจีน หรือ SAMR ได้สรุปว่า การขาดการตั้งค่าดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ ส่งผลกระทบกับรถยนต์ Tesla ในรุ่น Model S Model X Model 3 และ Model Y ที่มีการผลิตขึ้นในประเทศจีน หรือมีการนำเข้าไปจำหน่ายในช่วงวันที่ 12 มกราคม ปี 2019 จนถึงวันที่ 24 เมษายน ปี 2023 โดยจำนวนรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบ มีอยู่ทั้งสิ้น 1,104,000 กว่าคัน จากจำนวนรถยนต์ที่จำหน่ายไปทั้งหมด 1,109,000 กว่าคัน ในช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ทำลายสถิติเดิมที่มีการเรียกคืนรถเพื่อแก้ไข ในเดือนกันยายนปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 1,097,000 คัน จากปัญหาโปรแกรมควบคุมบานหน้าต่างไฟฟ้าแบบ soft close
หน่วยงานของรัฐบาลจีนให้รายละเอียดว่า รถยนต์ที่ถูกเรียกคืน เนื่องจากระบบของรถยนต์ ไม่อนุญาตให้ผู้ขับขี่ทำการเลือกระดับการใช้งานระบบเบรคเพื่อชาร์จไฟได้ ซึ่งเป็นการควบคุมระดับพลังจากการเบรคของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่จะส่งไปยังระบบห้ามล้อ ซึ่งเดิม ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการทำงานระหว่าง Standard และ Low ก่อนที่การอัพเดทโปรแกรมในปี 2020 จะมีการถอดโหมด Low ออกไป โดยในเดือนที่ผ่านมา สื่อยานยนต์ไฟฟ้าชื่อดัง Electrek ได้รายงานว่า Tesla จะนำเอาการทำงานแบบ 2 โหมดกลับมาใช้ใหม่ทั่วโลก ผ่านการอัพเดทโปรแกรมแบบ over the air ซึ่งจะมีใช้กับรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบในจีนด้วย
นอกจากการอัพเดทระบบเบรคเพื่อชาร์จไฟแล้ว รถยนต์ tesla จะต้องได้รับการติดตั้งระบบเตือนผู้ขับขี่ ในกรณีที่มีการเหยียบคันเร่งลึกเป็นเวลานาน ซึ่ง SAMR ของจีน เชื่อว่า ระบบนี้จะช่วยลดโอกาสการเหยียบแป้นคันเร่งผิดพลาด แทนที่จะเป็นแป้นเบรค โดย Tesla เผยว่า จะทำการอัพเดทโปรแกรมนี้ให้ลูกค้าชาวจีนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ แต่ยังไม่มีรายงานว่า จะมีการอัพเดทให้กับลูกค้าที่อยู่นอกประเทศจีนหรือไม่
แม้ว่าจะยังไม่มีการรายงานว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla จะครอบคลุมถึงรถยนต์ที่มีการส่งออกมาจำหน่ายในประเทศไทยด้วยหรือไม่ แต่เมื่อดูจากสัดส่วนของรถยนต์ที่มีปัญหา ซึ่งสูงถึง 99.5% จากจำนวนที่จำหน่ายไปทั้งหมด โอกาสที่รถยนต์ Tesla ที่จำหน่ายในเมืองไทย ก็น่าจะมีอยู่สูงด้วย ทั้งนี้ต้องรอการยืนยันจากทาง Tesla อีกครั้ง