สภาพจากการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ที่เข้มข้นดุเดือดมากขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะผลงานของ 2 ผู้นำในตลาด EV โลก อย่าง Tesla และ BYD ที่ยังสะเทือนมาถึงเมืองไทยล่าสุด ตามที่ได้เห็นกัน จากการได้รับการสั่งจอง Tesla Model 3 และ Model Y รวมมากกว่า 5,000 คันไปแล้ว หรือการได้รับการสั่งจองกว่า 10,000 คัน กับ BYD Atto 3 ตั้งแต่เปิดตัว ทั้งๆที่มีการเพิ่มโควต้าจากเดิม เป็น 2 เท่าตัวไปแล้วก็ตาม ยิ่งทำให้ Toyota รู้ได้ถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แม้ว่าบริษัท จะได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากคนไทย ด้วยยอดจองรุ่น bZ4X มากกว่า 3,000 คัน แต่บริษัทสามารถจำหน่ายจริงได้เพียง 50 คันเท่านั้น และส่วนหนึ่งก็เป็นการสั่งจองโดยลูกค้าองค์กร ที่เหลือก็มีข่าวลือว่า เป็นการสั่งจองจากคนวงใน ซึ่งสร้างความแปลกใจให้คนทั่วไปไม่น้อย ว่าทำไม Toyota จึงจำกัดจำนวนการจำหน่าย bZ4X ให้มีเพียง 50 คัน บ้างก็ว่า อาจจะเพราะปัญหาทางด้านเทคนิค ที่เคยเป็นข่าวในต่างประเทศ ซึ่งบริษัท อาจจะยังไม่มั่นใจว่า ปัญหาจะเกิดซ้ำอีกในอนาคตหรือไม่ แต่ล่าสุด ข้อสงสัยต่างๆ อาจจะมีความกระจ่างขึ้น เมื่อมีข่าวว่า Toyota ต้องการรื้อแผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเดิม เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ดีมากขึ้น จากการรายงานของสำนักข่าวดัง Reuters
รอยเตอร์สเปิดเผยโดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวสองคนว่า Toyota Motor เตรียมปรับกลยุทธ์สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ในเรื่องของซัพพลายเออร์หลักของบริษัท ในต้นปี 2023 เพื่อที่จะสามารถลดช่องว่างในการแข่งขัน กับคู่แข่งสำคัญอย่าง Tesla และ BYD ในเรื่องราคา และสมรรถนะ โดย Toyota จะให้ข้อมูลซัพพลายเออร์หลักๆของบริษัท เกี่ยวกับรายละเอียดของแผนงาน ที่จะใช้ไปจนถึงต้นปี 2026 ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่ยังเป็นความลับอยู่ เป็นการสะท้อนความต้องการที่จะพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับทศวรรษนี้ ส่วนหนึ่งก็คือการนำเอาเทคโนโลยี ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้า ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานจากโครงข่ายของแหล่งจ่ายไฟ ไปเป็นพลังงานที่ถูกจัดเก็บไว้ในแบตเตอรี่บนรถ นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของระบบทำความร้อนและความเย็น ที่จำเป็นต้องใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย แน่นอนว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง โครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น ย่อมได้รับผลกระทบ จากช่วงเวลาในการพัฒนาที่ยาวนานขึ้น จากแผนเดิม ที่เคยกำหนดไว้ 3 ปี โดยคาดว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่จะได้รับผลกระทบ ก็คือ Toyota bZ4X และ Lexus RZ รุ่นปรับปรุงใหม่ ที่คาดว่าจะสามารถเทียบเคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ได้ ทั้งในเรื่องราคาและสมรรถนะ ซึ่ง Toyota เตรียมจัดการประชุมกับซัพพลายเออร์รายสำคัญ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า ถือว่าเป็นการประชุมระดับโลกครั้งแรกกับซัพพลายเออร์ หลังจากการระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งผู้บริหารของบริษัทได้เคยเปิดเผยในการแถลงข่าวมาก่อนแล้วว่า ทีมงานได้พูดคุย และทำงานร่วมกับพันธมิตร และซัพพลายเออร์ในด้านต่างๆอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะให้สามารถบรรลุเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียด เกี่ยวกับโครงการพัฒนาในด้านรถยนต์ไฟฟ้าออกมาเพิ่มเติม
ทางด้านคู่แข่งสำคัญอย่าง Tesla ก็เพิ่งประกาศผลกำไรต่อรถหนึ่งคันเมื่อไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ที่มีมากกว่า Toyota ถึง 8 เท่าตัว ซึ่งความสำเร็จของ Tesla ส่วนหนึ่ง เกิดจากการออกแบบสายการผลิตที่ซับซ้อนน้อยลง และสามารถลดต้นทุนบางอย่างลงมาได้ ทาง Toyota เอง ก็ได้ทำปรับปรุงแผนงาน 3 ขั้นตอน ซึ่งมีมูลค่าถึง 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 1,044,000 ล้านบาท ในการพัฒนาและเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้า ที่ได้มีการประกาศต่อสาธารณชนเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้ระงับโครงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่บางโครงการ ที่ได้เคยประกาศเอาไว้เมื่อปีก่อน ในขณะเดียวกัน ทีมงานที่่มีชิเกกิ เทราชิ ได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีไปพร้อมกับการลดต้นทุนการผลิต สำหรับผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วไปพร้อมๆกัน หนึ่งในแผนที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ก็คือการหา platform ใหม่ มาทดแทนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าล่าสุดอย่าง e-TNGA แม้ว่าบริษัทยังมองว่า รถยนต์เบนซินไฮบริด ที่บริษัทบุกเบิก และทำตลาดมานาน ยังเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่าน ไปสู่ยุคความเป็นกลางทางคาร์บอน
บริษัทผลิตยานยนต์ชื่อดังส่วนใหญ่คาดว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดก้อนใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ภายในปี 2030 นักลงทุนในด้านเทคโนโลยีสีเขียว รวมถึงกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้พยายามรบเร้าให้ Toyota เดินหน้าในเรื่องนี้ให้เร็วขึ้น เพราะยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน มีมากกว่าตัวเลขจากสมมติฐานของ Toyota ที่ได้เคยคาดการณ์เอาไว้ไปแล้ว
ในปัจจุบัน กลยุทธ์ยานยนต์ไฟฟ้าของ Toyota ได้มุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง bZ4X ซึ่งเป็นรุ่นแรกภายใต้ชื่อซีรี่ส์ Beyond Zero โดยขั้นตอนที่ 2 ในแผนของบริษัท จะกินเวลาอีกหลายปีนับจากนี้ ที่มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มแบบ e-TNGA จากการเปิดเผยของบริษัทที่มีต่อซัพพลายเออร์บางราย การปรับเปลี่ยนในขั้นตอนนี้ คาดว่าจะมีขึ้นในการประชุมกับเหล่าซัพพลายเออร์ในปีหน้า
ในตอนนี้ ทีมงานของเทราชิ กำลังพิจารณาว่า จะยกเลิกกการใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA ทีมีอายุได้ 3 ปีมาแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกพัฒนาขึ้นจากการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มรถเครื่องยนต์เบนซิน ให้มาใช้ได้กับรถยนต์ไฟฟ้า จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวภายใน การใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA จะช่วยให้ TOYOTA สามารถสร้างสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้ร่วมกับสายการผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันเบนซินและไฮบริดได้ ซึ่งการพยายามประนีประนอมในเรื่องการใช้สายการผลิตร่วมกันนี้ ทำให้เกิดข้อจำกัดสำหรับบริษัท ในการออกแบบผังการผลิตในโรงงาน ซึ่งวิศวกรของ Toyota มองว่าเป็นสิ่งที่ Tesla กำลังได้เปรียบอยู่ โดยก่อนหน้านี้ Toyota ได้ออกแบบแพลตฟอร์ม e-TNGA ภายใต้สมมติฐานที่ว่า บริษัทจะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้ราว 3,500,000 คันต่อปี ภายในปี 2030 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของยอดขายบริษัททั่วโลก แต่ในความเป็นจริง ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า มีการเติบโตที่มากกว่านั้น ซึ่งในตอนนี้ Toyota ได้ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์สำคัญอย่าง Denso และ Aisin ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ซึ่ง Toyota กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ว่าจะนำเอาระบบจัดการความร้อนแบบใหม่ ที่มีการพัฒนาร่วมกับ Aisin และ Denso รวมถึงระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ารุ่นล่าสุด และระบบส่งกำลัง eAxle จาก Aisin มาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ได้เลยหรือไม่
นอกจากนั้น Toyota กำลังดูความเป็นไปได้ ที่จะนำเอาระบบ inverter แบบซิลิกอนคาร์ไบด์ที่เพิ่งพัฒนาร่วมกับ Denso มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นพรีเมี่ยมขนาดใหญ่ได้หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้การชาร์จไฟมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตอีกด้วย อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์สเผยว่า Denso และ Aisin รวมถึงหัวหน้าทีมพัฒนาอย่างเทราชิ ไม่ได้ให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้
เทราชิในวัย 67 ปี มีประสบการณ์ในสายอาชีพมามากกว่า 42 ปี โดยเป็นหนึ่งในนักวางแผนคนสำคัญของ Toyota ในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และยังเป็นคนสำคัญที่ช่วยผลักดันโครงการรถไร้มลพิษ และรถยนต์พลังไฮโดรเจนอีกด้วย นอกจากนั้น เขายังมีส่วนในการสร้างความร่วมมือกับ BYD ค่ายรถยนต์และบริษัทผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่จากจีน ซึ่งกำลังจะมีผลงานออกมาให้ได้เห็นกัน ผ่านรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota รุ่น bZ3 ที่ใช้แบตเตอรี่จาก BYD เร็วๆนี้
ที่มา: Reuters
[yourchannel video=”Ell0kLOlbJY” autoplay=”1″ show_comments=”1″]